เมื่อราว ๆ 3 – 4 ปีที่ผ่านมา เราจะได้ยินคำ คำหนึ่งที่กลายมาเป็นหนึ่งใน 21th century skill
นั่นคือคำว่า
Grit คือการอดทนพยายาม คือการกัดไม่ปล่อย คือการทำไปทีละเล็กละน้อยสะสมไป
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เรามีสุภาษิต และคำสอนมากมายเกี่ยวกับความพยายามอย่าง
ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
โดยใครวะ?
หรือมาในแบบรูปภาพเช่น
โดยหลังจากคุณ Angela เขียนหนังสือชื่อว่า Grit เรื่องนี้ก็ถูกได้รับการนำกลับมาพูดถึงอีกครั้งในกระแสหลัก
เท่าที่อ่าน หนังสือเขียนออกมาชี้ชวนด้วยตัวเลขให้น่าสนใจดีเหมือนหนังสือ How to ยุคใหม่
อ่านแล้วเคลิ้มตาม
จากภาพคนขุดเพชรข้างบน ถ้าไม่ใช้เพชรแต่เป็นลาวาแทนละ?
เรายังบอกได้ไหมว่าความพยายามนำพาไปสู่ความสำเร็จ?
เพราะอะไรสังคมถึงให้คุณค่ากับความพยายาม?
ถ้าในเชิงเศรษฐศาสตร์ คงบอกได้ว่า เพราะมันน่าจะดีต่อสังคมโดยองค์รวม
ลองนึกถึงสังคมที่ไม่มีใครอดทนต่ออะไร ไม่มีใครพยายามอะไรเลยดูสิ คงวุ่นวายน่าดู
productivity ที่จะให้บริการต่อสังคมก็คงลดลงไป โดยรวมผลผลิตก็จะน้อยลง เพราะทุกคนชั่งน้ำหนักของการกระทำอยู่ตลอดเวลา ไม่มีความแน่นอน
ถ้าในเชิงปรัชญา ความพยายามจนประสบความสำเร็จ เป็นเครื่องหมายของความเสมอภาค
ไม่ว่าใครก็สามารถมีความพยายามได้เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน
เพราะเอาจริง ๆ ทุกคนเชื่อว่าตัวเองพยายามไม่มากพออยู่แล้ว และมองว่าคนอื่นพยายามมากกว่าตัวเองอยู่
เมื่อมนุษย์ยังเชื่อในความพยายามที่จะนำพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จได้ ก็มีแรงที่จะพยุงร่างกายให้ทำงานต่อไป
ในเชิงอคติ มันมีสิ่งที่เรียกว่า Survivalship Bias อยู่ มันคือการที่เรามองเห็นแต่คนที่ประสบความสำเร็จ
ซึ่งแน่นอนว่า 99.9 ใน 100 จะต้องบอกว่าการที่ตัวเองสำเร็จนั้นมาจากความอดทนพยายาม ของตัวเอง
ไม่มีใครหรอกที่บอกว่าตัวเองอยู่ใน Lucky sperm club หรือตัวเองโชคดี เฉย ๆ
เช่นเดียวกันคนที่มีความพยายามมากมายที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ไม่อยู่ใน spot light
จึงไม่มีใครมองเห็นว่าคนพยายามเกินกว่าครึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน ซ้ำร้ายอาจไปตอกย้ำว่าเขาเหล่านั้นพยายามไม่พอด้วยซ้ำ!
ดังนั้นความพยายามอาจไม่ได้แปลผันตรงกับความสำเร็จ
และความพยายามก็ไม่ได้การันตีความสำเร็จเช่นกัน!
งั้นแปลว่าไม่ต้องพยายามอะไรแล้วใช่ไหม?
ก็ไม่เชิงนะ เพียงแต่ว่าการพยายามอดทนไปเรื่อย ๆ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีก็ได้
ไม่มีใครรู้ว่าความพยายามของนักขุดดินจะพาตัวเองไปหาเพชร หรือจะพาตัวเองไปหาลาวา
โดยเฉพาะในสังคมที่มีความแปรปรวนมากมายขนาดนี้
แล้วก็… การล้มเลิก ไม่พยายามอะไรก็ไม่ได้เป็นเรื่องผิด ไม่มีอะไรการันตีว่าการล้มเลิกที่เรากำลังทำอยู่ จะกลายเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตก็ได้
แม้แต่พระเจ้าก็อาจไม่รู้!
ส่งท้าย : ที่มาที่ไปของบทความนี้มันเกิดจากข่าวเรื่องนักวิ่งเทรลที่เสียชีวิตในสนามแข่ง 21 คน ในประเทศจีน ซึ่งเดี๋ยวจะเอามาเล่าต่ออีกสักตอนหนึ่ง