ช่วงนี้มีข่าวที่คนติดตามกันทั้งประเทศ และก็ต่างประเทศด้วย คือเรื่องที่น้องๆทีมฟุตบอลทั้ง 13 คนไปติดอยู่ในถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย
ในขณะที่ทีมกู้ภัยก็ระดมกำลังเต็มที่ทั้งจากในและต่างประเทศเพื่อไปช่วยน้องๆออกมา และข่าวนี้อยู่ในโฟกัสของสังคมที่มีคนติดตามมากมาย ก็เริ่มมีข่าวลือ ข่าวไร้สาระออกมายาวเป็นสายธาร ทั้งมีคนให้ข้อมูลจริง ข้อมูลเท็จเรื่องไสยศาสตร์เรื่องดวงไปจนข่าวผลการปฏิบัติงาน
เอาจริงๆเรียกว่ามีข่าวออกมาทุก 10 วินาที ผมนั่งมอนิเตอร์ฟีด #ถ้ำหลวง อยู่เรียกว่าอ่านไม่ทันต้องจับกระแสอารมณ์เอาอย่างเดียว
จะว่าไปนี่เป็นสถานการณ์ที่บีบอัดเอาสภาพการใช้งานอินเทอร์เน็ตของประเทศไทยเรา มาไว้ให้เห็นในช่วงเวลาสั้นๆเลยทีเดียว….
ระหว่างนั้นผมก็ไปเจอว่าใน Facebook เองเริ่มมาคนแชร์ข่าวอันนี้
คุณอ่านข่าวนี้แล้วรู้สึกยังไงบ้าง?
น่ากลัวต้องแชร์ต่อ?
แบบนั้นหรือเปล่า?
วินาทีแรกที่ผมเห็นความรู้สึกมาตามสเต็ปดังนี้คือ
0. admin มึงใช้ hash tag มั่วจังวะ!
1. รู้สึกค้านขึ้นมาทันที เพราะว่าถ้าเป็นจริงพวกพลาสติกพวกนี้น่าจะถูกเก็บออกจากตลาดทั้งหมดก่อนเป็นข่าวเสียด้วยซ้ำ
2. ตัวเนื้อข่าวไม่มีความสอดคล้องกันเหมือนเอาเนื้อหาเป็นก้อนๆมาวางแปะมากกว่า
3.หัวข้อข่วดูเขียนใหญ่โตเกินข่าวประเภทงานวิจัย
step ถัดมาผมจึงมองหา reference เอ๊ะมาจาก bbc.com ซะด้วยไหนลองตามไปดูสิ
OK สำเนาถูกต้องคือก็อปปี้มาทุกประโยค (เรื่องนี้เดี๋ยวเอาไปด่าตอนจบ)
ไหนดูสิ BBC.com ก็ไม่มี reference งานวิจัยแฮะ เอาไงดี?
ลองเอาชื่อ Dr. Andrew Turner ไปค้นดู เจอจริงด้วยแฮะแต่พี่แกทำ research ไว้เยอะมากงั้นลองหางานวิจัยที่มีชื่อ black plastic หน่อยที่เขียนโดย Andrew Turner
และแล้วเราก็เจองานวิจัยต้นกำเนิดของข่าวนี้ใน Sciencedirect
เนื่องจากสมาชิก sciencedirect หมดอายุไปนานแล้วเลยทำได้แต่อ่าน abstract อยู่ข้างนอก (link งานวิจัย)
ซึ่งพบว่าในงานวิจัยไม่ได้บอกเรื่องการปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อคนเลยมีแค่บอกว่ามันอาจจะไปสร้างมลพิษในระบบรีไซเคิล โดยมันมีส่วนประกอบของโลหะหนักอันตรายต่างๆ ซึ่งไปสร้างมลภาวะให้กับน้ำได้…. ไอ้มีพิษกระทบต่อคนมันอยู่บรรทัดไหน….
แสดงว่าคนที่ไปอ่าน อ่านผ่านๆแล้วเอาข่าวมาเด้าเองเขียนใหม่ให้ดึงดูดคนให้คนเข้ามาอ่าน โดยไม่ใส่ reference เอาไว้จะได้หาไม่เจอว่าตัวเองมั่วขึ้นมา
ซึ่งทั้งหมดนี้ สาเหตุมันมาจาก…
Attention Economy
- คนทำเพจพยายามเรียกคนเข้ามาที่เพจตัวเองเยอะๆ โดยพยายามสร้างเนื้อหาใหม่ๆทุกวันวันละ หลายเนื้อหาซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้
- เมื่อสร้างเนื้อหาใหม่ๆไม่ได้ จึงจำเป็นต้องไปเอาเนื้อหาจากเพจอื่นๆมาลงด้วย ซึ่งพวกนี้จะไม่ยอมแชร์มาลงเพราะกลัวทราฟฟิคไปที่อื่นเลยทำแบบที่เห็นคือเอามาเขียนใหม่ด้วยการก็อปปี้วาง แล้วใส่ link ไว้
- โดยความมักง่ายเนื้อหาที่เอามาลงต้องดึงดูดคนเยอะๆให้ได้ก่อนด้วยการเอาพวกเรื้อหาที่กระทบความรู้สึกคนมาลง โดยไม่ได้เช็คเนื้อหาให้ดีก่อน
- คนที่ได้เนื้อหาผิดๆไปก็เชื่อ แชร์ต่อเกิดทราฟฟิคเข้าเพจ
- ในขณะเดียวกันก็เป็นการกระจายข่าวผิดๆไปด้วย
แล้วเราจะอยู่ในสังคม internet ที่เต็มไปด้วยข้อมูลจริงบ้าง เท็จบ้างแบบนี้ได้ยังไง?
- เวลาเห็นเนื้อข่าวที่มันดูโอเว่อร์มากๆให้สงสัยไว้ก่อน ตั้งธงไว้ก่อนเลยว่าอาจจะไม่จริงก็ได้
- ดูว่าข่าวนั้นมีอ้างอิงหรือเปล่า
- แหล่งอ้างอิงที่ว่านั้นเชื่อถือได้ไหม ผมเคยเจอข่าวบางอันอ้างผลงานวิชาการจากนิตยสารลวงโลก
- ถ้ามันเกี่ยวกับความเป็นความตายจริง น่าจะมีประกาศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาก่อน
- ถ้าสงสัยให้ลงมือค้นต่อ (คล้ายๆกับที่ผมทำ จริงๆที่ทำทั้งหมดก็ใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง)
- มีสติอยู่เสมอ ต้องคอยเตือนตัวเองว่าทุกอย่างอาจจะลวง
ปล. สถานการณ์ล่าสุด moremove เอาข่าวนี้ออกแล้ว แต่ยังมีอยู่ใน BBC.com