จดหมายถึงตัวข้าพเจ้าในปี 2563

Posted by

“อีก 10 ปีข้างหน้า ชีวิตคุณจะเป็นยังไง” 

10 ปีเป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอจะเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่าง เป็นตัวเลขที่เรานึกไม่ออกว่า 10 ปีข้างหน้าตัวเราจะมีชีวิตยังไง สังคมของเราจะมีหน้าตายังไง เป็นระยะเวลาที่ยาวนานเกินเอื้อม

เป็นระยะเวลาที่เอาไว้วางแผนชีวิตระยะไกล และข้าพเจ้าเองก็โดนถามคำถามนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้วระหว่างการสัมภาษณ์งานที่หนึ่ง… จะว่าไปมันควรเป็นคำถามที่ไม่จริงจัง แค่เอาไว้ดูทัศนะคติและแนวทางในการรับคนเข้าทำงาน แต่ไม่ใช่กับข้าพเจ้า!

เย็นวันนั้นข้าพเจ้าลงมือเอากระดาษมานั่งขีดเขียนตามประสาคนช่างฝัน… และเริ่มลงมือเขียนถึงอนาคตเมื่อ 10 ปีข้างหน้า และกลายมาเป็นที่มาของ “จดหมายถึงตัวข้าพเจ้าในปี xxxx”

ผ่านมา 10 ปี บางความฝันก็ไปไกลกว่าที่คิดไว้ แต่ส่วนใหญ่นั้นก็ล้มเหลว

เหมือนกับปี 2562 ที่ผ่านมานี้ที่ส่วนใหญ่ชีวิตของข้าพเจ้าคือความล้มเหลว

เป็นความล้มเหลวที่เป็นความซวย เป็นเรื่องราวที่ไม่ควรเกิดขึ้น หลายๆครั้งตัวข้าพเจ้าก็ทำเต็มที่แล้วด้วย แต่ที่น่าชื่นใจคือข้าพเจ้าไม่ฟูมฟาย ไม่รู้สึกขัดใจมากมาย แค่รู้สึกว่า “มันก็เป็นแบบนี้แหละ

มันก็เป็นแบบนี้แหละ” เลยกลายเป็นคำสุดฮิตแห่งปี การยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆจังๆกลายเป็นคุณสมบัติใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในปีนี้ จะว่าไปนี่มันคุณสมบัติของคนแก่ชัดๆ !

จะว่าไปชีวิตข้าพเจ้าก็เป็นการทดลองประเภทหนึ่งที่ข้าพเจ้าทดลอง เพิ่มนั่นนิด ลดโน้นหน่อยทุกๆปี ล้มๆลุกๆ ทำๆเลิกๆ พอย้อนกลับไปดูก็มีทั้งที่เกลียดและรักตัวเอง แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นอย่างแรกก็เถอะ ปีที่ผ่านมานี้ก็เช่นกัน

เมื่อต้นปีข้าพเจ้าทดลองกับวินัยในตัวเอง แล้วก็สำเร็จสวยงามดีนะ แต่ถ้าชีวิตมันมีบทเรียนของมัน ชีวิตก็กำลังจะสอนให้เรารู้ว่า ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างใจคิดหรอก แล้วก็หวดเราแรงๆ เพื่อให้เราเรียนรู้จากมันจริงๆจังๆ จนเป็นที่มาก็ประโยคของปีข้างต้นนั่นแหละ

แถมพอถึงปลายปีพอมองย้อนกลับไปแล้วพบว่า เอ้าเป้าหมายอะไรนี่ไม่สำเร็จซักอย่างเลยเหรอ เออ… งั้นปล่อยให้มันฉิบหาย เอ้ย เป็นบทเรียนไปแล้วกัน แต่ก็เป็นปีที่ได้ลองก้าวเดินละน่า ผิดบ้างถูกบ้าง แต่ขอให้ทิศทางมันถูกต้องก็พอ

เอ้า… แล้วปีนี้เรียนรู้อะไรบ้าง ?

1 เงินสำคัญที่สุด!!

ฟังดูไม่อุ่นๆ คลาสสิคโรแมนติกเลยแต่มันเป็นความจริง เราอยู่ในโลกที่โครตจะทุนนิยมที่ถ้าคุณไม่มีเงิน ก็แทบไม่มีทางทำอะไรได้เลย ถ้าคุณไม่มีเงินไม่มีทางที่คุณจะช่วยใครได้โดยไม่เผาตัวเองไปด้วยเลย

ปีนี้เรียนรู้เรื่องการเงินเยอะมาก และเข้าใจความคุ้มค่าของการหา และการใช้เงิน เอาเข้าจริงข้าพเจ้าก็รู้สึกว่ามันไม่เท่นะที่จะอยู่ในวังวนนี้ แต่จะหลุดออกไปก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน แต่ก็ต้องเข้าใจความหมายว่าเราหาเงินไปเพื่ออะไร? นี่เป็นคำตอบที่ข้าพเจ้าตอบตัวเองไม่ได้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว และกลายเป็นประโยคที่ข้าพเจ้าบอกกับตัวเองเมื่อตอนนั้นว่า “เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดนั้น” ฉะนั้น

ตอบตัวเองให้ได้ว่าหาเงินไปทำไม? ถ้าไม่มีคำตอบ เงินอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดนั้นก็ได้

2 ความจริงของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน

เรื่องนี้ควรเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าเข้าใจมาเป็นสิบปีแล้ว แต่เอาเข้าจริงข้าพเจ้าก็เข้าใจมันนั่นแหละแต่ไม่ยอมรับมันซึ่งเป็นความโง่เขลาแบบหนึ่ง และเราไม่มีทางที่จะอธิบายความจริงของเราให้คนอื่นรับรู้ได้ถ้าพื้นฐานความจริงที่ว่ามันไม่เหมือนกัน

เราไม่มีทางเปลี่ยนความคิดใครได้ ถ้าความติดนั่นจะเปลี่ยน เจ้าของความคิดนั้น ต้องเห็นเรื่องนั้นด้วยตัวเองเท่านั้น

“ถ้าเราเชื่อว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวปลายทางสุดท้ายที่เราได้อาจเป็นสงคราม”

แล้วปีนี้เป็นอย่างไรบ้างละ? ในสายตาของข้าพเจ้า

– เป้าหมายด้านเสริมสร้างคุณภาพชีวิต (7/10) การจัดการชีวิตในปีนี้ของข้าพเจ้าค่อนข้างดี มีการวางแผนทำตามแผน และพัฒนาคุณภาพชีวิตเล็กๆน้อยๆ ไปได้เรื่อยๆ แม้ชีวิตจะไม่ได้ดีเลิศ แต่ก็ไม่ได้แย่จนควบคุมไม่ได้ คิดว่าน่าจะเพราะอยู่ติดบ้านมากขึ้น เดินทางน้อยลง
– เป้าหมายในงาน (5/10) ปีนี้เป็นอีกปีที่เลือกเปลี่ยนแปลงการทำงานจากมนุษย์เงินเดือนกลายไปเป็นฟรีแลนซ์ ซึ่งดูแล้วในอนาคตมีแต่ความกังวล แต่ก็เป็นการเลือกที่ทำให้ตัวข้าพเจ้าเองยังคงเอาความภาคภูมิใจในการทำงานไว้ได้ และสามารถเลือกทำงานที่หลากหลายได้มากขึ้น แม้ว่ามันจะเหนื่อยขึ้นและได้เงินน้อยลง คิดเสียว่ากลับไปเป็นเด็กอีกครั้งแล้วกัน
– เป้าหมายในด้านการเรียนรู้ (4/10) ปีนี้เริ่มโฟกัสได้ว่าเราจะเรียนรู้อะไรบ้าง แม้จะมีลังเลอยู่บ้างว่าจะเริ่มแบบไหนยังไงดี แต่ก็ไม่สะเปะสะปะ เหมือนที่ผ่านๆมา ปีหน้าต้องเลือกให้น้อยลง แล้วลงมือทำให้มากขึ้น
– เป้าหมายด้านเศรษฐกิจ (5/10) ปีนี้การออมยังคงเติบโตไปได้เรื่อยๆ หาเงินหลักที่เป็นเป้าหมายแรกๆ ได้แล้วแต่ปัญหาคือสภาพของเศรษกิจทั่วไปที่ยังแย่อยู่ และภาพการจ้างงานที่กลายเป็นฟรีแลนซ์ทำให้การเงินฝืดเคืองอยู่พอสมควร ปีหน้าควรต้องหาอะไรทำเพิ่ม อีกเยอะเลย
– เป้าหมายด้านจิตใจ (4/10) ต้องยอมรับว่า social media มีผลต่อจิตใจมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่ชวนให้สิ้นหวังหรือแม้แต่ชีวิตดีๆ ของคนอื่นล้วนทำให้จิตใจย่ำแย่ได้ แต่สิ่งที่กอบกู้จิตใจที่ขุ่นมัวกลับมาได้กลับเป็นการเข้าใจตัวเองแบบไม่เข้าข้าง เข้าใจความมืดมนและธรรมชาติของมัน
– เป้าหมายด้านสุขภาพ (9/10) นี่เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยตกลงซักเท่าไหร่ อาจจะเป็นพรประการเดียวที่ธรรมชาติมอบให้ข้าพเจ้า คือไม่ป่วยเลย แม้จะมีปัญหากับการไออยู่เป็นระยะๆ แต่ก็เป็นการไอจากนิสัยแย่ๆ ของตัวเองไม่ใช่เรื่องสุขภาพจริงๆ
– เป้าหมายด้านสังคม (5/10) ปีนี้พยายามไปพบปะเพื่อนๆ มากขึ้นพอเจอคนใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากขึ้นกลับมามีความสุขกับผู้คนมากขึ้น แม้มันจะดูเหมือนไม่มีประโยชน์อะไรเลยแต่เอาเข้าจริงมันทำให้ชีวิตมีความสุขมากกว่าอยู่คนเดียวจริงๆ นั่นแหละ
ถ้าเป็นกราฟหุ้นนี่คงเป็นช่วงที่กราฟเริ่มขยับทิศทางเป็นขาขึ้น จากปีที่แล้วที่เป็นขาลงแบบสุดๆ ทั้งสภาพจิตใจและการเงิน แต่ก็ไม่ได้น่าไว้วางใจมากเท่าไหร่
และถึงแม้จะไม่ได้เป็นปีที่พึงพอใจกับชีวิตมากนัก แม้จะไม่ได้สำเร็จอะไรใหญ่ๆในชีวิตเลย แต่ก็เป็นปีที่ทำให้เรียนรู้ถึงความเป็นไปของชีวิต และเปิดหูเปิดตารับเอาข้อมูลใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาเยอะ ทำให้เข้าใจความเป็นมนุษย์ได้เยอะ เข้าใจตัวเองได้เยอะ
หวังว่าปีหน้าท่านจะสำเร็จในหวังของท่านบ้าง และร้ายกับคนอื่นๆให้น้อยลง แม้มันอาจเป็นแค่ความฝัน แต่มันก็เป็นการเริ่มต้นความฝันที่ดี
ปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายที่ข้าพเจ้าจะเขียนจดหมายถึงท่านแล้ว ขอให้ท่านมี 10 ปีข้างหน้าที่เป็นไปอย่างที่ท่านฝันไว้ ในรอบ 10 ปีข้างหน้าข้าพเจ้าได้แต่หวังว่าชีวิตของท่านคงจะเป็นไปอย่างที่หวังไว้ และแม้จะไม่ได้ก็จงเข้าใจมันและมีความสุขอยู่กับมันให้ได้ ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหละ

“อีก 10 ปีข้างหน้า ชีวิตคุณจะเป็นยังไงนะ” 

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s