“หนุ่มสาวทั้งหลายเอ๋ย… คำตอบของคำถามทั้งหลาย อยู่ในตัวของเจ้าเอง”
ชีวิตในยุคที่อะไรก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนความสำเร็จจะเป็นปลายทางอันเลอค่า ของทุกเส้นทาง และเมื่อเรามองหาคำตอบของคำถามอะไรสักอย่าง คำตอบที่ได้มักจะเป็นการหาสิ่งที่ตัวเองชอบ…
ใช่…. ขนาดใน อิทธิบาท4 ยังเอา ฉันทะหรือความชอบมาไว้เป็นเรื่องแรกเลย เราต้องหาความชอบสินะ
ปัญหาคือ ในปัจจุบันยังไม่มีความเห็นที่ตรงกันว่า ความชอบ นั้นเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาได้หรือเปล่า หรือมันเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่จะเกิดขึ้นมาเอง มาจาก DNA ของเราเองหรือเปล่า?
ที่แย่ไปกว่านั้นคือเมื่อเราเจอ ความชอบ ที่ไม่สามารถสร้างคุณค่าได้ คนทั้งหลายก็ไม่ยอมรับว่ามันเป็นความชอบเสียด้วยสิ เช่น ถ้าเป็นคนที่ชอบนอนมากๆ ก็คงไม่มีกล้ารับรองว่าการนอนนั้นเป็นความชอบที่เราจะพัฒนาต่อไปได้ ซ้ำร้ายบางครั้งเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไปเสียอีก
แล้วเกี่ยวอะไรกับ self-reflection?
self-reflection เป็นกระบวนการที่มีมากว่า 3000 ปีก่อนแล้ว มีบันทึกจากจารึกโบราณในกรีกโบราณถึงพิธีการที่ นักบวช หัวหน้าวิหารจะต้องมาทำสิ่งนี้เพื่อทบทวนตัวเอง เอาจริงๆการทบทวนนี้อาจจะไม่ต้องทำเป็นพิธีการมากมายก็ได้ ไม่ต้องอยู่เงียบๆคนเดียว การทบทวนอาจจะเกิดในหัวของเราเอง เพื่อมองภาพของตัวเราเองจากภายในตัวเองด้วยมุมมองคนใน หรือคนนอกก็ได้ และผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ช่วงเวลาของชีวิต
สิ่งที่ได้จากการทบทวนตัวเอง ทำให้เราอาจจะได้พบกับขอบของตัวเอง ซึ่งมีประโยชน์กับการเลือกจะทำ หรือไม่ทำอะไรอย่างมาก ส่วนใหญ่วิธีการที่ใช้กันคือการตั้งคำถามกับตัวเอง แล้วนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆมาประกอบแล้วมองจากมุมมองภายในอย่างตรงไปตรงมาว่า ตอนนั้นเราคิดอะไร? ซึ่งก็มีวิธีการถามอยู่หลากหลายมากไม่ตายตัว
แต่สำหรับตัวผมเอง คำถามที่จะใช้ถามตัวเองคือ
อะไรคือแรงขับดันอันทรงพลังของตัวเอง?
สำหรับผมเอง ผมพบว่าแรงขับดันด้านลบมีพลังกับตัวเองมากกว่าด้านบวก ความแค้น การแข่งขัน พันธะสัญญาและการต่อสู้ เป็นสิ่งที่ทำให้ผมสามารถทำอะไรให้สำเร็จได้ ไม่ใช่ความดีงามทั้งหลาย
อะไรคือการกระทำที่เราทำแล้วมีความสุขและตื่นเต้นสุดๆ ทำแล้วเก็บไปฝันได้?
สำหรับผมคือการรู้สิ่งใหม่ๆ แล้วได้ทดลองทำ แก้ปัญหาได้ไปทีละนิด ๆ แต่ไม่ใช่การเรียนรู้ไปจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ
อะไรคือสิ่งที่เราต้องการมากที่สุดในชีวิต ถ้าเราครอบครองทรัพยากรทั้งหมดในโลกนี้ เราจะทำอะไร?
คำตอบของคำถามนี้ยังคลุมเครือและหลากหลาย เพราะมันมีความต้องการมากมายที่อาจไม่ได้ไปทางเดียวกันเช่น เราอยากได้รับการยอมรับ อยากเห็นคนอื่นมีความสุข อยากทำเรื่องที่ไม่ซ้ำเลยในชีวิตทุกวัน
อะไรเป็นสิ่งที่ถ้าคนอื่นทำกับเรา เราสามารถฆ่าคน คนนั้นได้เลย?
สำหรับผมเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก คือการปรักปรำเราในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ แล้วไม่ให้เรามีโอกาสอธิบาย
อะไรคือความกลัวที่เรากลัวที่สุด ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นการจบชีวิตไปจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า?
สำหรับผมคือการกลัวการตอบโต้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการพิการ โดนอำนาจที่สูงกว่ารังแก คือถ้าเราปล่อยให้ใครทำอะไรก็ได้โดยที่ผมทำอะไรไม่ได้เลย น่าจะเป็นความกลัวที่สุดแล้ว
นิสัยใดของตัวเองที่เกิดขึ้นตอนที่เราได้รับ input ใหม่ๆเข้ามา?
สำหรับผมมันคือความระแวง และมองโลกในแง่ร้ายไว้ก่อน
คำด่าอะไรที่เมื่อโดนแล้ว เรารับไม่ได้เลย อยากเดินขึ้นไปชกหน้ามันเดี๋ยวนั้น?
สำหรับผม ….. ไม่บอกไว้ไปลุ้นกันเอง….
อะไรคือความเชื่อสำคัญของเรา ในตอนนี้ ถ้าความเชื่อนั้นพังทลายไป เราไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อยังไงดี?
สำหรับผมคือ เรื่องเหนือธรรมชาติที่พิสูจน์ไม่ได้ ถ้าวันนึงเกิดเป็นจริงหาต้นตอไม่ได้ คงแย่มาก
แล้วได้อะไรจากการทำสิ่งนี้ ?
สำหรับผมเอง ผมว่ามันคือการมองหาว่าเราควรจะทำอะไร ให้คุณค่ากับอะไร ไม่ให้คุณค่ากับอะไร แล้วจะต้องใช้เครื่องมือหรือวิธีการแบบไหนเพื่อจะทำมันให้สำเร็จ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน อย่างน้อยก็เป็นการดึงสติของตัวเองไม่ให้ไปในแนวทางที่คนอื่นลากไว้ให้
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะคิดเรื่องดีๆพลังบวกแล้วจะทำสิ่งต่างๆสำเร็จได้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องมีวินัยถึงจะเป็นคนดี แต่เราต่างก็เป็นตัวเราเองในแบบที่ชีวิตมันตบตีเรามา มันอาจจะเปลี่ยนไปได้แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นมักไม่ได้เกิดขึ้นแบบข้ามคืน มันใช้เวลา….
ดังนั้นคำถามว่า เราชอบอะไร? อาจจะไม่ใช่เป็นคำถามที่ดีนัก และไม่ได้เป็นคำถามที่มีคำตอบเพียงหนึ่งเดียว มันอาจจะไม่มีเลย หรืออาจจะมีหลายอย่างก็ได้ แค่ทำแล้วยังตื่นเต้นมีพลังอยู่ และการล้มเลิกก็อาจจะไม่ใช่เส้นทางของความล้มเหลว มันอาจเป็นแนวทางของเราเฉยๆ เราที่ไม่จำเป็นต้องไปซ้ำกับใครเลยก็ได้
ดังนั้นคำถามว่าเราเป็นใครน่าจะเป็นคำถามที่เราควรถามตัวเองมากกว่า ด้วยเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดของเรา