Kilimanjaro (day 6 : สู่ Uhuru peak หลังคาแห่งแอฟริกา)

Posted by

 

ลืมตอนเก่าๆไปแล้วใช่ไหม? คลิกกลับไปอ่านสิ
Kilimanjaro (บทเริ่ม)

Kilimanjaro (Moshi town)

Kilimanjaro (ป่าแอฟริกาในจินตนาการ)

Kilimanjaro (day 3: Shira ในสายหมอก)

Kilimanjaro (day 4: เหน็บหนาวและยาวนาน)

Kilimanjaro (day 5 : ข้าม the wall สู่ปากปล่องของปลายทาง)


แผนคร่าวๆของวันนี้
Day 6 : เที่ยงคืนเดินทางจาก Barafu camp ขึ้นไปยัง Stella point ที่ความสูง 5756m จากระดับทะเล และเดินไปต่อยัง Uhuru peak(อูฮูรู พีค) จุดสูงสุดในทวีปแอฟริกา 5895m จากระดับทะเลระยะทางรวม 5 km หลังจากนั้นก็ยิงยาวลงไปยัง Mweka camp(3100 amsl) ระยะทางประมาณ 14.5 km รวมต้องเดิน 19.5 km เรียกว่าเดินตั้งแต่ฟ้ายังไม่เปิดยันฟ้าปิดเลยทีเดียว


แหกขี้ตาตื่นตั้งแต่  5 ทุ่มเพื่อเตรียมตัวที่จะออกเดินทางเพื่อขึ้นยอด เนื่องจากเราอยากให้ไปเช้าบนยอดพอดีจะได้เห็นแสงอาทิตย์ขึ้น
แม้ในใจคิดว่า ระยะทาง 5 – 6  กิโลเมตรไม่น่าจะใช้เวลานานขนาดนั้นแต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องลุกเพื่อเดินขึ้นยอดคิลิมันจาโร

เราเริ่มเดินที่ความสูงราว 4400 เมตรจากระดับทะเล ความสูงที่เดินเร็วๆก็พอจะให้หายใจขาดห้วงแล้ว…

ในความมืดมิดนั้นมีเพียงแสงไฟฉายคาดหัวที่ทำให้เราพอมองเห็นเท้าของตัวเองและคนข้างหน้า แต่เมื่อมองไปไกลๆกลับพบแสงไฟของกองคาราวานนักท่องเที่ยวที่ออกเดินทางไปก่อนหน้าเราแล้ว

“เฮ้ย มันจะรีบไปไหนวะ ระยะทางแค่นี้เอง” ผมคิดในใจ

ปีเตอร์ลูกหาบของเรายังคงเดินนำหน้าด้วยความเร็วช้าๆแต่สม่ำเสมอ ประโยคคำว่า “โพเล โพเล” ที่แปลว่าช้าช้าดังออกมาเป็นระยะๆ ทั้งจากคนนำเองและจากคนนำอื่นๆรอบตัวเรา เมื่อมองให้ดีไปรอบๆจะพบว่าไม่ใช่แค่มีคนนำเราอยู่ข้างหน้าเท่านั้น แต่มี porter มากมายยืนประกบ ซ้ายขวาดักรอดูแลนักท่องเที่ยวอยู่เป็นระยะๆ

เดินไปได้ราวๆ ชั่วโมงนึงผมก้มมองดูนาฬิกาบอกระยะทางที่ข้อมือ ระยะทางขยับไปได้เพียงกิโลเมตรเศษๆเท่านั้น ตอนนี้เรากำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!!

เมื่อขึ้นสูงราว 4500 -4600 เมตรเราเริ่มพบกับอุปสรรคที่ไม่คิดถึงมาก่อน
ลมแรงพัดเอาฝุ่นและความอบอุ่นออกไปจากตัวเรา อากาศหนาวลงเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ถึงตอนนี้ไม่สามารถเอามือออกมาจากกระเป๋าได้เลย ต้องเดินล้วงกระเป๋าไปตลอดเส้นทาง แม้จะพยายามใช้เทรคกิ้งโพลแต่ความหนาวนั้นทรมานกว่ามาก จนต้องเก็บเทครกิ้งโพลลงกระเป๋า ลมเริ่มพัดเข้าหน้าจนปากแข็ง น้ำตาไหล ผมพยายามหันตัวหนีลมที่ลอยประทะมาจากด้านล่าง จนลมตีกับเสื้อกันฝนเป็นเสียงน่ารำคาญแต่ก็ต้องอดทน…

เมื่อไหร่แสงจะมาเสียที…. 

ระหว่างทางเมื่อเงยหน้าขึ้นไปดูข้างบนเราจะพบแสงหนึ่งที่สว่างเจิดจ้าอยู่ข้างบนตลอดเวลา คนนำทางของเราบอกว่านั่นคือ Stellar point เมื่อถึงจุดนั้นความชันที่เรากำลังเผชิญอยู่จะจบลง และเหลือเพียงไม่ไกลก็จะถึงจุดสูงสุด

แต่ไม่ว่าจะเดินก้มๆ เงยๆ แค่ไหนแสงนั้นก็ดูเหมือนห่างเราออกไปเรื่อยๆ…

แน่นอนว่าไม่มีความทุกข์ทรมานใดอยู่ได้ถาวร

หลังจากเดินมาได้ราว 5 ชั่วโมงเราเริ่มเห็นแสงมาจากท้องฟ้าด้านหลังของเรา แสงนั้นนำพามาซึ่งความอบอุ่นและสวยงาม แน่นอนเราหยุดเพื่อชื่นชมกับแสงอาทิตย์แรกของวันที่ยาวนาน

20170302_062226
เห็นพระอาทิตย์ขึ้นมารำไร

ความสวยงามนั้นทำให้เราลืมความเหนื่อยและความเหน็บหนาวไปหมดสิ้น…

แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเริ่มทำให้อากาศอบอุ่นขึ้นแม้ว่าเราจะอยู่ที่ความสูงเกิน 5000 เมตรจากระดับทะเลไปแล้วแต่ก็ยังดีกว่าตอนตี 2 ที่เราเดินในความมืดและเหน็บหนาวมากนัก

6 ชั่วโมง 23 นาที

คือเวลาที่เราใช้เดินจากแคมป์ที่เรานอนไปยัง Stella point

เราหยุดเฉลิมฉลองกันนิดหน่อย
จากนี้ไปเพียง 1 กิโลเมตรเราก็จะถึงจุดสูงสุดของทวีปแอฟริกาแล้ว และร่างกายผมอ่อนล้าเต็มทีจากการเดินไต่ความสูงมากถึง 1300 เมตร มาถึงระดับ 5735 เมตรจากระดับทะเล

แต่นั่นแหละลมยังคงพัดแรงไม่หยุดความหนาวเป็นอุณหภูมิเท่าไหร่วัดไม่ได้ รู้เพียงแค่ว่าถุงมือราคาแพงที่ซื้อมานั้นไม่ช่วยปกป้องเราจากความหนาวที่เผชิญอยู่ได้เลย !! แถมเป็นอุปสรรคในการหยิบจับน้ำขึ้นมากินเสียด้วย

เราหยุดชื่นชม Stella point ได้ไม่นานก็ต้องรีบไปต่อเพราะลมหนาวมากและที่จุดชมวิวนั้นเปิดทำให้ลมเข้ามาได้จากทุกทิศทุกทาง

20170302_065631

ระยะทางราว 1.2 กิโลเมตรจาก Stella point ไปยัง Uhuro peak(อูฮูรู พีค) นั้นเหมือนยาวนานไม่สิ้นสุด เราเดินด้วยสภาพซอมบี้จากการหมดเรี่ยวแรงเพราะเดินมาเกือบ 7 ชั่วโมงและความเหน็บหนาวที่กลายเป็นความรำคาญเส้นทางนี้เป็นเส้นทางเปิดทำให้ลมพัดสู่ตัวเราตลอดเวลา ผมสังเกตุเห็นความหนาวเย็นได้จากหนวดเคราของคนที่เดินสวนมาที่มีคราบน้ำแข็งเกาะเต็มไปหมด
ซ้ายมือเป็นก้อนน้ำแข็งอายุหลายล้านปีที่ยังอยู่สภาพเดิมแสดงว่าอากาศข้างบนนี้คงติดลบแน่ๆ

มองไปไกลๆเราเริ่มเห็นก้อนฝูงชน ซึ่งน่าจะหมายถึงเรามาถึงจุดสูงสุดของคิลิมันจาโรแล้ว ผมเริ่มควักกล้องมาเตรียมถ่ายระหว่างนั้นก็เห็นคนคุ้นๆหน้า ยืนเก้ๆกังๆอยู่ข้างฝูงชน

อีม นี่เองคงกำลังรอว่าจะต้องถ่ายรูปกับป้าย Uhuru peak เพื่อเก็บผลงาน Summit ที่สองจาก 7 Summit ที่สูงที่สุดใน 7 ทวีปผมจัดแจงถ่ายรูปให้อีม ระหว่างนั้นสมาชิกในทีมเริ่มทยอยมากันแล้วเราเลยเริ่มสามารถยึดป้ายถ่ายได้ และนั่นคือที่มาของรุปโปรไฟล์ในเฟสบุ้คของผม

Image may contain: one or more people and outdoor

หลังจากจบพิธีกรรมการถ่ายรูป เราเริ่มเดินลงระหว่างนั้นเหมือนภารกิจของเรามันเสร็จสิ้นไปแล้ว ร่ายกายเอาเรี่ยงแรงมาจากไหนก็ไม่รู้ จู่ๆร่างกายก็ฟื้นตัวผมสามารถวิ่งเหยาะๆได้เพื่อหนีลมหนาวได้

 

 

 

20170302_084340
ภูเขาลูกเดิมเมื่อขามา ขากลับก็สวยไปอีกแบบ

เรียกว่าขาลงนี่กึ่งวิ่งกึ่งเดินกึ่งสไลด์ลงมาเลยทีเดียวเพราะแอบหลงไม่ได้ลงมาทางเดียวกับที่ขึ้นมา แต่ก็สนุกไปอีกแบบไม่รู้เป็นอะไรเวลาลงทีไรเป็นแบบนี้ทุกครั้งเหมือนเราทำสำเร็จแล้วร่างกายมันฉลอง

ขาขึ้นใช้เวลา 7 ชั่วโมง 20 นาทีในขณะที่ขาลงใช้เพียง 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น

 

20170302_101900
มองเห็นแคมป์เราอยู่ใกล้ๆแล้ว ถึงตรงนี้รู้สึกอย่างเดียวคือหิว!!

 

Capture
ระยะทาง 12 กิโลเมตรไปกลับ ใช้เวลาไป 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว

แต่… ยังไม่จบ!!!

 

 

 

 

 

 

วันนี้เรายังต้องเดินต่ออีก 9 กิโลเมตรเพื่อลงไปนอนที่ Mweka camp(3100 amsl) แสดงว่าเราต้องลงต่อไปอีก 1300 เมตร สรุปคือขึ้น 1300 เมตร และลงอีก 2600 เมตรในวันเดียว !!

แต่เอาวะ ยังไงๆก็ต้องไป

หลังจากกินข้าวให้พออิ่มเราก็เริ่มเดินลง เป็นการลง ที่ลงเท่านั้นมีขึ้นอยู่น้อยมากกกก

และแล้วระหว่างทางเดินลงนั้นเราก็ได้เจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน นั่นคือลูกเห็บตก (จริงๆก่อนหน้านั้นหิมะเริ่มตกก่อนแล้วก็ตามมาด้วยลูกเห็บทันที)

แน่นอนว่าตื่นเต้นไปตามระเบียบเป็นครั้งแรกที่เจอลูกเห็บตกต่อหน้าต่อตา ต่อตัว….

ลงไปเรื่อยๆรูปร่างของภูมิประเทศก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากหินก้อนใหญ่ก็เล็กลงๆ จนกลายเป็นป่าเขียวๆ

20170302_140259
หมอกลงตลอดทาง ส่วนรถเข็นพวกนี้คนนำทางบอกว่าเค้าเอาไว้สำหรับขนคนเจ็บลงข้างล่าง แต่ดูจากพื้นที่แล้วไม่น่าขนได้นะถ้าขนจริงคนเจ็บคงเจ็บหนักขึ้น
20170302_144913
เห็นรอยตัดระหว่างหินไปหาป่าเขียวๆแล้ว 

จริงๆระหว่างทางมีดอกไม้เยอะเลย แต่ถ่ายบ้างไม่ถ่ายบ้างแถมบางอันก็ถ่ายมาแล้วเบลอ เลยไม่ลงแหะๆ

ตอนลงเมามันส์มากใช้เวลาไปแค่ 4 ชั่วโมงเท่านั้น

Capture
ลงพรวดเดียวถึงเลย 

20170302_170636

 

 

 

 

 

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s