ลืมตอนเก่าๆไปแล้วใช่ไหม? คลิกกลับไปอ่านสิ
Kilimanjaro (บทเริ่ม)
Kilimanjaro (ป่าแอฟริกาในจินตนาการ)
Kilimanjaro (day 3: Shira ในสายหมอก)
Kilimanjaro (day 4: เหน็บหนาวและยาวนาน)
Kilimanjaro (day 5 : ข้าม the wall สู่ปากปล่องของปลายทาง)
เคยดูสารคดีที่เกี่ยวกับแอฟริกาไหม?
ถ้าคุณเคยดูน่าจะเจอภาพแบบเดียวกับผม คือทุ่งหญ้าสะวันนาร้อนๆแล้งๆ กว้างๆ มีม้าลายนอนเกลื่อนๆ ยีราฟยืดคอกินยอดไม้, จิงโจ้, ฮิปโป, สิงโตวิ่งไล่กาเซลไปมา

วันนี้เราจะเริ่มเดินเป็นวันแรก
โดยเราเริ่มเดินจากสถานที่ที่ชื่อว่า Machame gate(มาชาเม่ เกต)
ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถานที่นี้เลย เอาจริงๆแล้วตอนไปก็แทบไม่ได้หาข้อมูลอะไรเลยได้แต่ ถามๆเอาจากไกด์ (สมกับเป็น stupid tourist จริงๆ)

น่าแปลกที่มาชาเม่เกตนั้นอากาศเย็นกว่าที่เมือง Moshi มากมาย ขนาดต้องควักเอาเสื้อกันลมมาใส่
เท่าที่รู้วันนี้เราจะต้องเดินไปที่ Machame camp ระยะทาง 11 km ใช้เวลาเดิน 5 ชั่วโมง
….. เวลาผ่านไปเนิ่นนานแต่เราก็ยังไม่ได้เริ่มเดิน ทีมไกด์ของเรายังคงรออะไรบางอย่าง เข้าใจว่าลูกหาบของเรายังมาไม่ครบทำให้เริ่มเดินไม่ได้

เวลาบ่าย 2 เราเริ่มให้สัญญาณกับไกด์ว่าเรารอต่อไปไม่ได้แล้วนะ เพราะถ้าเดิน 5 – 6 ชั่วโมงจริงเราจะไปถึงแคมป์ดึกเกินไปและไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเร่งเดินได้

รอไปได้ซักพักฟ้าเริ่มครึ้ม เพียงไม่นานฝนก็ตกลงมาอย่างไม่บันยะบันยัง ดีที่ทุกคนเตรียมความพร้อมมาเจอกับสภาพอากาศทุกรูปแบบอยู่แล้วเลยมีพร้อมทั้งเสื้อกันฝนและร่ม รออยู่จนบ่าย 3 กว่าๆ ไกด์และทีมลูกหาบเราจึงพร้อมเดิน …….
เพียงแค่ 100 เมตรแรก….
ป่าของ Kilimanjaro กลับทำให้ผมประหลาดใจมาก




ลูกหาบที่นี่หาบได้ประมาณ 15 – 20 kg ไม่เยอะเท่าเนปาลแต่ท่าหาบนี่ได้ใจมาก

ตลอดทางเป็นป่าฝนที่อากาศร่มรื่นสบายทางค่อนข้างราบ มีเนินชันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ที่สวยอย่างน่าประหลาดอีกอย่างคือยอดไม้ที่นี่ แผ่ออกมาแต่ไม่ชนกันทิ้งช่องว่างไว้สวยงามราวกับว่าต้นไม้เหล่านั้นพยายามลากลายเส้นไปบนผืนฟ้าอย่างตั้งใจ จนละสายตาไปจากมันไม่ได้

จำไม่ได้ว่าผมเอ่ยคำว่า “สวย” ไปกี่ครั้งแต่ก็มากพอที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกรำคาญตัวเอง
พืชพันธ์เป็นป่าฝนแถบเส้นศูนย์สูตรแบบที่เมืองไทยมีแต่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดีมากๆ ทั้งที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว
เดินไปได้ราวๆ 3 ชั่วโมงฝนก็เริ่มถล่มลงมา พร้อมกับป่าที่เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง…
พ้นจากป่าฝนดิบชิ้นที่มีความหลากหลายของชีวิตมาเจอกับ moorland ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต้นไม้เตี้ยๆและทุ่งหญ้า ซึ่งแคมป์ของเราคืนนี้เป็นรอยต่อระหว่างป่าฝนและ moorland (ไม่แน่ใจว่ามีคำภาษาไทยใช้ไหม)

เดินต่อไปได้อีกเพียงแปบเดียวก็เจอกับแคมป์พร้อมกับอีมที่มาถึงก่อนได้ซักพักแล้วยืนเล็มน้ำฝนอยู่

ยังไม่มีใครมาถึงและไม่รู้จะไปไหน เราจึงหนีไปหลบฝนและลมอยู่ที่บ้านของแรนเจอร์
เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ถามถึงไกด์ของพวกเรา(ซึ่งแน่นอนว่าเดินตามอีมมาไม่ทัน) และเตือนพวกเราว่าห้ามห่างไกด์เด็ดขาดและเพิ่งรู้ว่าที่นี่เค้าห้ามนักท่องเที่ยวไปไหนมาไหนลำพัง (อาจจะห่วงเรื่องอันตราย)

วันนี้เดินไปประมาณ 11 km ใช้เวลาไป 3 ชั่วโมงครึ่ง

สรุป VDO วันแรก
5 ความเห็น