จำไม่ได้ว่าเคยเขียนเรื่องแบบนี้ไปหรือยัง แต่ถ้าเขียนแล้วก็ยังอยากจะเขียนอยู่
ช่วงนี้เริ่มมีแนวคิดที่อยากจะย้ายที่อยู่
จากที่อยู่เดิมที่อยู่มานานเกือบ 10 ปี
ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรไม่ดีนะทั้งทำเล ราคา ทุกอย่างลงตัวหมด
แต่มันแค่เป็นความรู้สึกว่า ยิ่งอยู่กับอะไรนาน ๆ มันจะยิ่งทำให้เราอ่อนแอลง
ปกติจะย้ายที่อยู่ทุก 1 – 2 ปี
จนมาที่นี่แหละที่อยู่ยาวมาเกือบ 10 ปี
พอเริ่มคิดจะย้าย ก็เริ่มมองหาความเบาในการโยกย้าย
แล้วพอลองพิจารณาดี ๆ เรามีของที่ซื้อ ๆ มาแล้วไม่ค่อยได้ใช้เยอะมาก
เลยตั้งใจว่าจะพยายามทยอยทิ้งของทุกวัน
ทั้งเสื้อผ้า หนังสือ กระเป๋า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปยันชั้นวางของ
ซึ่งเอาจริง ๆ มันทำให้เรามองเห็นแก่นในชีวิตแบบหนึ่ง….
หนังสือที่เรารักมาก แต่ไม่เคยเปิดอ่าน
ตำราราคาแพงที่รู้ตัวว่าจะไม่ได้ใช้มันอีก
เสื้อผ้าที่เป็นความภาคภูมิใจแต่ใส่แล้วไม่สวย ไม่กล้าใส่
เสื้อผ้าที่เคยรักมาก แต่เป็นรอยเปื้อน หรือฉีกขาดนิดหน่อยแล้ว
อุปกรณ์เดินป่าที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่วันแรก ๆ ที่มีเรื่องราวแต่ก็ไม่ได้ใช้แล้ว
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ราคาแสนแพง ที่ตอนนี้ขายเป็นซากยังไม่ได้เลย
ทั้งหมดคือต้นทุนจม (sunk cost)
การเก็บมันไว้รังแต่จะทำให้ชีวิตเราหนัก ทำให้รก เป็นภาระในชีวิตเปล่า ๆ
แต่การจะสละ ละทิ้งมันไปก็เป็นความเจ็บปวดฝืนทนเหมือนกัน
แต่พอเริ่มทิ้งได้ เริ่มเข้าใจตัวเอง การปล่อยวางจึงเริ่มเกิดขึ้น
มองไปรอบ ๆ ตัว เราอาจมี sunk cost มากมายรอบ ๆ ตัว
ทั้งความเชื่อ ความรู้ คนรู้จัก คำพูด ตัวตนของเราเอง
ในมวลของสิ่งเหล่านั้น ถ้ามองดูดี ๆ อาจมี sunk cost อยู่เหมือนกัน
ความรู้ที่เคยรู้มาอาจไม่ practical กับปัจจุบัน
ความเชื่อที่เคยเชื่อมา อาจเป็นกำแพงปิดกั้นให้เราไปไม่ถึงไหน
คนรู้จักที่เป็นพิษ อาจกำลังกัดแทะความรู้สึกของเรา
คำพูด จุดยืนที่เราเคยประกาศไว้อาจทำให้เรากลืนไม่เข้า คายไม่ออก
ฐานะทางสังคมของเราอาจทำให้เราถูกผูกไว้กับบางอย่าง
เหล่านี้อาจคือต้นทุนจม ที่เราต้องพยายามมองให้เห็น
แล้วพิจารณา ค่อย ๆ ตัดเฉือนมันออก
แน่นอนว่ามันจะรู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่คุ้นเคย
แต่เมื่อตัวเราเบา ใจเราเบา
เมื่อนั้นข้อจำกัดในชีวิตที่คอยขังเราไว้ก็จะลดลง