Risk / Reward หรือที่หลายๆคนเรียก RR, R/R คืออะไร?
ต้องย้อนกลับไปแชร์ประสบการณ์การเรียนรู้ของตัวเองนิดนึงก่อน
ตอนเริ่มเทรด Forex แรกๆ คำนี้น่าจะเป็นคำแรกๆ เลยที่คนสอนพูดมา และพูดบ่อยในทุกๆสำนัก
ปัญหาคือเอาจริงๆ มันคืออะไรกันแน่ละ ?
คนจะชอบสอนว่า
RR ควรจะเป็น 1:2, 1:3 นะ แปลว่าโอกาสเสี่ยงแค่ 1 ส่วน ในขณะที่ถ้าได้ ได้ 2 ส่วน
ยิ่งฟังยิ่งงง อะไรคือได้ 1 ส่วน 2 ส่วน
ซึ่งผ่านมาหลายเดือนถึงได้เข้าใจเรื่องนี้ โดยมันเริ่มต้นที่นี่…
ไม่ว่าคุณจะเรียน technical อะไรมา แนวรับ แนวต้าน demand supply เทรนด์ indicator อะไรก็ตามจริงๆแล้วมันใกล้เคียงกับการดูดวงมากเลย คือเราพยายามเอารูปแบบในอดีตมาคาดเดาอนาคต โดยใช้หลักการที่เรียกว่า correlation ไม่ใช่ causation ง่ายๆเหมือนเราเห็นดาวตก แล้วเมืองแตก พอเห็นแบบนี้ไปสองสามครั้งเราเลยสรุปว่า ถ้าดาวตกเมืองจะแตก ซึ่งมันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันจริงๆ เลย
หลัก technical ก็เช่นกันไม่ว่าจะ prices action, prices pattern แนวรับต้าน ทั้งหลายเป็นเพียงความเชื่อมโยงกัน ดังนั้น มันไม่มีวันแม่นยำ
ว่ากันว่าความแม่นยำของ technical นั้นพอๆ กับการโยนเหรียญหัวก้อย
แล้วไม่ว่าถูกหรือผิด เราก็จะหาเหตุผลมาอธิบายมันได้เสมอ
ดังนั้นเราจะต้องควบคุมความเสี่ยง คือสร้างความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ขึ้นมาก่อน เช่น
สมมติ เรามีเงินที่จะเอามาลงทุนอยู่ 100 USD แล้วเราจะยอมรับการเสียมันได้เท่าไหร่ในแต่ละครั้ง
ปัญหาถัดมาคือแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเราจะยอมรับการเสียได้เท่าไหร่ดี ? ไม่ยอมรับการเสียเลยได้ไหม ?
ผมใช้วิธีคิดง่ายๆ แบบนี้คือ ถ้าโยนเหรียญหัวก้อยแล้วเราต้องทายให้ถูก คิดว่าจะโยนกี่ครั้งถึงจะทายถูกดี
2 ครั้งพอไหม? ถ้าเราซวยละ? แทงหัวแล้วออกก้อย 2 รอบติด 3 ละ? 10 ละ? 20 ละ? จะเห็นได้ว่าโอกาสที่จะทายหัวก้อยผิด 10 ครั้ง หรือ 20 ครั้งต่อเนื่องกันมันน้อยมาก นั่นแหละคือจำนวนที่เราจะยอมรับการเสียได้
แปลว่าถ้ามีเงิน 100 บาท แทงหัวก้อย แล้วเราแทงครั้งละ 10 บาท จะแทงพลาดได้ 9 ครั้ง ถ้าอยากแทงได้ 20 ครั้งอาจจะต้องแทงครั้งละ 5 บาท
วิธีเดียวกัน มี 100 USD แปลว่าแต่ละครั้งที่เราเสีย เราอาจจะยอมเสียได้ที่ 1 – 2 USD เพื่อที่เราจะได้มีหน้าตักแทงได้ 50 – 100 ครั้ง
แบบนี้ไม่มีหทดตัวแน่นอน !!!
แล้วจะทำยังไงให้เราเสียทีละ 1 – 2 USD ได้ละ?
กำหนด stop loss ไงละ แต่เราจะต้องคำนวณ stop loss เอาไว้ล่วงหน้าก่อนเสมอ !! ซึ่งการกำหนด stop loss ขึ้นอยู่กับวิธีที่เราใช้ในการตัดสินใจในการเปิด Order นั่นแหละ
เช่น ถ้าเราเปิด order โดยการดูจุดกลับตัว เราอาจจะตั้ง stop loss เอาไว้ที่ราคา สูงสุด หรือ ต่ำสุดที่จุดกลับตัวที่เราคิดว่าใช่ (แน่นอนว่ามันมีโอกาสผิด แต่ลองคิดดูเราคิดว่ามันจะกลับทิศทาง และมันดันสร้างราคาที่สูงสุด หรือต่ำสุดใหม่ ก็แปลว่าความคิดเราผิดแล้วจะรอถืออยู่ทำไมก็ต้อง SL มันไปถูกแล้ว)
ทีนี้พอเรารู้แล้วว่า Stop loss เราจะอยู่ที่ไหน เอาจำนวนจุดจากจุดเข้า order ไปยังจุดกลับตัวมาเข้าสูตรเพื่อคำนวณ lot size ง่ายๆ ดังนั้น
จำนวนเงินที่ยอมเสียได้ / ระยะ stoploss = ขนาด lotsize
เช่น ยอมเสียได้ 2 USD และระยะ stop loss คือ 50 จุด จะได้เป็น
2 / 50 = 0.04 lot
แปลว่าแย่สุดคือเราเสีย 2 USD ในรอบนี้
เป็นอันจบ R แรกคือ Risk
ถัดมาคือ Reward
จะดีไหมถ้าเราแทงหัวก้อยถ้าแทงผิดเราเสีย 1 บาท แต่ถ้าแทงถูกเราได้ 2 บาท
นี่แหละครับคือ RR 1:2 แล้วทำยังไง?
เมื่อกี้เราได้จุด Stop loss แล้วใช่ไหม? งั้นก็ตั้งจุด TP หรือ Take profit เอาไว้ที่ 1.5 – 2 เท่าของระยะ Stop loss นี่แหละ คร่าวๆของ RR 1: 2 หรือ 1:1.5
ซึ่งอาจจะต้องไปปรับเรื่องจุด SL, TP อีกที ว่าเอาตรงไหนสวยๆ คำว่าสวยๆ คือมีแท่งเทียนมาเรียงอยู่แถวนั้นเยอะหน่อย หรือมีนัยยะของการซื้อขายอะไรบางอย่าง
แบบนี้บางคนอาจจะแย้งว่า อ่าวแบบนี้ก็ TP ยาก แต่ SL ง่ายมากสิ ?
จริงครับ !!
แต่เราสามารถจัดการความเสี่ยงด้วย tailing stop ได้
ส่วนตัวใช้ที่ 60 % ของราคาที่วิ่งไปถูกทาง
เช่น SL 100 จุด แปลว่า TP จะเป็น 200 จุด และจะ Tailing stop ไว้ที่ 120 จุด จะทำให้ยังมีโอกาสเจ๊าเท่าทุนเพิ่มเยอะขึ้นได้
ทำให้ตอนนี้สมการเราจะมี แพ้ ชนะ และเสมอ(ได้นิดหน่อย) ยิ่งทำให้โอกาสเสียของเรายิ่งน้อยลงไปอีก
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เสียเลยนะ
ดวงซวยเกิดขึ้นได้เสมอ…