จดหมายถึงตัวข้าพเจ้าในปี 2562

Posted by

การเขียนจดหมายถึงตัวข้าพเจ้าช่วงปลายปีกลายเป็นธรรมเนียมและเป็น “งาน” ที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเป็นงานที่ใหญ่พอสมควร

ทุกครั้งที่จะเขียนเลยลังเลไปมา และคอยเอาเรื่องที่ไม่สลักสำคัญมาทำคั่นเพื่อที่จะไม่ต้องเขียนตลอด

ครั้งนี้ก็เช่นกัน….

ปี 2561 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ข้าพเจ้าเรียนรู้มาได้ 3 เรื่องคือ

1. ถ้าขาดซึ่งการเข้าใจคุณค่าในตัวเองแล้ว ชีวิตก็มิอาจดำเนินต่อไปได้

ฟังดูเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก แต่ที่น่าเจ็บปวดคือคุณค่าในตัวเองที่เรารับรู้นั้น ดันมาจากคนรอบข้างเสียเป็นส่วนใหญ่ ถ้าไปอ่านคำเท่ห์ๆจากกูรูหรือนักจิตวิทยาปลอมๆ ก็จะบอกว่าเราต้องรับรู้คุณค่าของตัวเองด้วยตัวเอง แต่เอาจริงๆแล้วมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย

เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม เมื่อต้องอยู่ร่วมในสังคมคุณค่าของตัวตนของเราก็ย่อมสะท้อนมาจากสังคมด้วยนั่นแหละ

ช่วงปลายปี 60 คาบเกี่ยวไปยังต้นปี 61 ข้าพเจ้าสูญเสียความรับรู้ถึงคุณค่าในตนเองไป แม้ว่าจะออกไปทำกิจกรรมอะไรมากมายแต่สิ่งเหล่านั้นกลับไม่เคยเติมเต็มความมั่นใจในตนเองกลับมาได้เลย จนต้องปรับวิถีชีวิตยกใหญ่กว่าจะกลับมาลงตัวระดับหนึ่งได้ก็ช่วงครึ่งปีหลังแล้ว ซึ่งนั่นทำให้ได้เรียนรู้เรื่องที่สองคือ

2. ความสำเร็จเล็กๆน้อยๆอย่างต่อเนื่อง สำคัญกว่าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เพียงไม่กี่ครั้ง

“อาจพูดได้ว่าส่วนใหญ่แล้วคนที่ประสบความสำเร็จ ล้วนอยู่กับสิ่งที่พวกเขาทำนานเพียงพอ”

ผึ้งสร้างรังของมันจากองค์ประกอบเล็กๆ
นักวิ่ง 100 กิโลวิ่งโดยจดจ้องไปยังก้าวข้างหน้า
กำแพงเมืองจีนยาวพันไมล์เกิดจากการเรียงหินก้อนแล้วก้อนเล่า

ในยุคสมัยที่อะไรก็รวดเร็วไปเสียหมดจนดูเหมือนการรอคอย การค่อยๆทำไปทีละเล็กละน้อยกลายเป็นเรื่องของคนเขลา แต่ก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นเส้นทางตรงสู่ความสำเร็จต่างๆ การค่อยๆสะสมความภาคภูมิใจในความสำเร็จเล็กๆน้อยๆไปอย่างต่อเนื่อง มองเห็นความคืบหน้า เติบโต อาจเป็นหาทางเดียวที่นำเราไปสู่สิ่งที่เรามุ่งหวัง แต่อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่คือการทำอย่างไรให้เราไม่ล้มเลิกไปกลางทางเสียก่อน ซึ่งนั่นทำให้ได้มาซึ่งบทเรียนเรื่องที่สามคือ

3. หากเรายอมผ่อนปรนต่อกฏของเราเพียงนิดเดียว เราก็มิสามารถดำรงความเป็นเราเอาไว้ได้

“ถ้าคุณบอกว่าจะออกกำลังกายทุกวัน การไม่ออกเพียงวันเดียวก็จะล้มพังแผนการออกกำลังกายทั้งปีของคุณลงอย่างไม่เป็นท่า” 

“ถ้าเราจะไม่มาสาย การมาสายเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้เรามาสายตลอดไป”

ในระหว่างทางแห่งการสะสมความสำเร็จหากเรายอมผ่อนปรนให้ตนเอง มีเงื่อนไขเหตุผลที่จะไม่ทำตามแผน นั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยงแปลงพฤติกรรมของเรา ดังนั้นหากตั้งกฏไว้แล้วจงอย่ามีข้ออ้างใดๆ

แล้วปีนี้เป็นอย่างไรบ้างละ? ในสายตาของข้าพเจ้า

– เป้าหมายด้านเสริมสร้างคุณภาพชีวิต (6/10) เรียกว่าปีนี้สุดขั้วตรงข้ามมาก  7 เดือนแรกจัดการชีวิตตัวเองได้ดีมากทุกอย่าง ส่วน 5 เดือนหลังเหลวแหลกมาก ซึ่งก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองทั้งด้านดีและไม่ดี ปีหน้าควรจะค้นพบรูปแบบที่ลงตัวกับตัวเองได้แล้ว
– เป้าหมายในงาน (3/10) งานถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำลายความมั่นใจและความสุขของข้าพเจ้าเลยก็ว่าได้ แม้ว่างานที่ทำอยู่จะเป็นงานที่ข้าพเจ้าชื่นชอบมาก แต่งานหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาและสภาพการแข่งขันของตลาด ทำให้ต้องทำงานที่ตัวเองไม่ได้ถนัดเท่าที่ควรทำให้รู้สึกว่าคุณค่าในตัวเองลดลง และรายรับก็ไม่ได้ตามที่ต้องการแถมยังไปเบียดบังเวลาอย่างอื่นเสียด้วย ช่วงครึ่งปีหลังจึงพอปรับตัวได้ด้วยการต่อรอง รวมๆแล้วงานไม่ทำให้ตัวเองมีโอกาสพัฒนา
– เป้าหมายในด้านการเรียนรู้ (2/10) การมีเรื่องราวมากมายเกินไปให้เรียนรู้ ทำให้ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย…. ปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่มีการเรียนรู้อะไรใหม่ๆน้อยมาก เรื่องที่รู้อยู่แล้วก็ดูเหมือนตัวเองจะรู้น้อยลงเรื่อยๆ เรื่องใหม่ๆที่อยากจะเรียนรู้ก็ติดขัดเรื่องเวลาไปหมดจนจิตตก
– เป้าหมายด้านเศรษฐกิจ (7/10) คงเป็นปีแรกที่เริ่มการออมและกลับมาลงทุนแบบจริงจัง แม้ว่าจะเข้ามาในช่วงที่ตลาดทุนต่างๆผันผวนแบบสุดๆ และผลลัพธ์ทางการลงทุนติดลบทั้งหมด แต่นี่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว ครึ่งนึงของรายได้กลายเป็นเงินเก็บและเงินลงทุน พยายามทำแบบนี้ให้ได้ต่อไป
– เป้าหมายด้านจิตใจ (2/10) เป็นอีกหนึ่งปีที่สภาพจิตใจค่อนข้างแย่ ทั้งต้นและปลายปี เหมือนเดินอยู่ในหมอกมัวๆตลอดเวลา รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจย่ำแย่ และสูญเสียความเคารพในตัวเองไปค่อนข้างมาก ซึ่งส่งผลต่อเรื่องอื่นๆในชีวิตทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องจัดการเป็นเรื่องแรกในปีหน้าเลย
– เป้าหมายด้านสุขภาพ (9/10) ไม่เจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลเลยแม้แต่ครั้งเดียว มากสุดแค่ท้องเสียแต่ก็ไม่ได้แย่มากร่างกายอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างพร้อม เรียกว่าบริหารจัดการเรื่องของสุขภาพได้ดีทีเดียว
– เป้าหมายด้านสังคม (1/10) จู่ๆก็กลายเป็น Introvert จากที่เคยสนุกที่จะไปเจอเพื่อนๆเยอะๆ กลายเป็นว่าไม่อยากเจอใครเท่าไหร่อยากกลับมาอยู่กับความคิดของตัวเอง เพื่อนที่มีน้อยอยู่แล้วก็ยิ่งห่างหายกันไป เรื่องนี้ควรจะเป็นเป้าหมายที่จะทำเพิ่มในปีหน้า
ดูแล้วเป็นปีแย่ๆ ปีหนึ่งที่ควรมีในชีวิตบ้างเป็นวิกฤติหนึ่งของชีวิตที่ควรได้เรียนรู้จากมัน จุดเริ่มต้นมักยุ่งยากและเหนื่อยล้าเสมอ ถ้าปี 2561 เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งดีๆมันก็ควรจะเหนื่อยล้าแบบนี้นั่นแหละ
อีกสิ่งที่รู้สึกได้เลยในปีที่ผ่านมานี้คือ “ความแก่” ความแก่นี้บางส่วนอาจมาจากร่างกายที่เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลาแต่ส่วนหนึ่งคือจิตใจที่แก่ลง การได้เห็นความจริงบนโลกเน่าๆใบนี้มานานถึงจุดที่แม้ยอมรับมันไม่ได้ แต่ก็ยอมรับว่าเราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ และต้องเป็นส่วนหนึ่งของมัน ทำให้ความฝันความหวังมันหดหายไปจนกลายเป็นคนแก่ไปจริงๆ
ขอให้ปีหน้าท่านจง มุ่งมั่นทำให้สิ่งที่คิดไว้จงยึดเอาหลักการเอาไว้ ตั้งใจพัฒนาตนเองและกู้คืนความเยาว์วัยในจิตใจท่านกลับมา หวังว่าปีหน้าตอนที่เราเจอกันอีกครั้งเราคงจะไม่ต้องมาบ่นเรื่องเดิมๆ อีกและหวังว่าท่านจะมีจิตใจที่แข็งแรงและมั่นใจขึ้นมาได้อีกครั้ง
แด่ปีที่หม่นหมอง
22 ธันวาคม 2561

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s