สิ่งแวดล้อมที่อยู่ไกลตัว (แด่วันสิ่งแวดล้อมโลก)

Posted by

เมื่อวาน (วันที่ 5 มิถุนายน) เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก

แม้ว่าจะมีคนโพสรูปหรือข้อความหรือคำขวัญอะไรมากมาย ทุกคนตระหนักว่าปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะขยะ มลพิษ ภัยแล้ง การตัดไม้ทำลายป่าล้วนมีอยู่จริงและเป็นเรื่องน่ากังวล

แต่ทำไมเรื่องสิ่งแวดล้อมดูเป็นเรื่องไกลตัวของพวกเรา(คนเมืองหลวง) เสียเหลือเกิน ….

เรากลัวโลกร้อนแต่ก็ยังเปิดแอร์เย็นๆ เรากลัวโลกร้อนแต่ขับรถไปปากซอยเพื่อซื้อน้ำขวดในร้านสะดวกซื้อ เรากลัวว่าพลาสติกจะไปเป็นขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายหรือกำจัดได้แต่ก็ยังดูดน้ำจากหลอด ซื้อน้ำบรรจุขวดพลาสติก

อะไร? เป็นสาเหตุที่การกระทำของเราสวนทางกับความหวั่นวิตกของเราเสียเหลือเกิน 


…. สงครามในซีเรียประทุคุกกรุ่นมายาวนานกว่า 7 ปี มีคนตายไม่ต่ำกว่า 4 แสนคนพิการอีกเกิน 1.5 ล้านคน อีกกว่า 6 ล้านต้องอพยพทิ้งบ้านตัวเองไปอยู่ที่อื่น แต่เรา (คนไทย) จำนวนน้อยมากที่สะเทือนใจอย่างรุนแรงเทียบกับข่าวยิเงสือดำหรือคดีฆ่าหั่นศพของสาวเปรี้ยว เพราะอะไร? ทำให้คน 4 แสนคนที่ตายอยู่อีกฟากหนึ่งของโลกกระทบต่อจิตใจเราน้อยกว่าการตายของเพื่อนบ้านของเรา

วิทยาศาสตร์มีคำตอบ …. มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมที่เป็น super social คือต้องพึ่งพาสังคมและกลุ่มของตัวเองอย่างมากในการจะมีชีวิตรอดได้ (อย่างน้อยก็ในสมัยอดีต) การอยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางธรรมชาติอันโหดร้ายในยุคโบราณเป็นความเสี่ยงมากพอๆกับการเผชิญหน้ากับผู้ล่า

ดังนั้นมนุษย์เราจึงมีแนวโน้มที่จะผูกพันธ์กับคนในสังคมเดียวกันหรือคุ้นเคยกันมากกว่าคนที่อยู่ไกลๆ เรามีความรู้สึกถึงการเป็นพวกเดียวกันหรือเชื่อมโยงกันมากกว่าคนที่หน้าตาไม่เหมือนกัน ใช้ภาษาไม่เหมือนกันหรืออยู่กันไกลคนละซีกโลก

เลยไม่แปลกใจที่ระดับความสะเทือนใจของการจากไปของคนใกล้ตัวจะรุนแรงกว่าการตายของคน 4 แสนคนในอีกซีกโลก ….

สิ่งแวดล้อมก็ไม่ต่างกัน…

“ออทีเกอต่อที ออก่อเกอตอก่อ”

เป็นสุภาษิต ปกาเกอญอ แปลว่า “กินน้ำต้องรักษาน้ำ อยู่ป่าต้องรักษาป่า”

กะเหรี่ยงปกาเกอญอ อยู่กับป่ามานานหลายร้อยปี พวกเขาเรียนรู้ที่จะอยู่ใกล้ชิดป่า อาศัยและดูแลไปพร้อมๆกันเสมือนหนึ่งว่าป่าคือญาติสนิทของพวกเขา ปกาเกอญอ มีธรรมเนียมมากมายเกี่ยวกับป่าและน้ำ เช่น ห้ามทำไร่ในเขตต้นน้ำ ห้ามทำไร่สองฝั่งแม่น้ำ ห้ามทำไร่บนยอดเขา ห้ามทำไร่ซ้ำๆกันไปเรื่อยๆ ทั้งหมดสะท้อนความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดของชาว ปกาเกอญอกับธรรมชาติ

ในขณะที่คนเมืองเพียงแต่เปิดก็อกก็มีน้ำไหล เราไม่เคยสงสัยว่าน้ำมาจากไหน
เราเดินเข้าร้านสะดวกซื้อก็มีของกินมีแอร์เย็นๆ โดยไม่ต้องรู้ว่าต้นทางของอาหารหรือไฟฟ้ามาจากที่ไหนและปลายทางของสิ่งที่เราซื้อจะไปที่ใด

เมื่อเรายังห่างไกลกับธรรมชาติ คงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะแคร์สิ่งแวดล้อมมากไปกว่าการแคร์แมวที่บ้านหรือแคร์ความสะดวกของตัวเอง

เพราะเราหาความเชื่อมโยงกับมันชัดๆไม่ได้ เมื่อไม่เชื่อมโยงเราจึงนึกไม่ออกว่าการกระทำของเรากระทบต่อสิ่งแวดล้อมแค่ไหน ความหวังในการบอกว่าให้ทุกคนมาช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม หรือจัดตั้งวันสิ่งแวดล้อมโลกเลยกลายเป็นแค่กิจกรรมที่เปลืองเปล่า ที่ไม่มีวันเห็นผลได้เลยตราบใดที่ความเดือดร้อนยังไม่มาเยือนที่หน้าประตู …

แด่วันสิ่งแวดล้อมโลกอันแสนกลวงเปล่า

5 มิถุนายน 2561

 

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s