สรุปเทคโนโลยีแบบมึนๆ สไตล์ 52.5Hz

Posted by

ปล. post นี้ไม่ได้มีการเรียบเรียงหรือรูปภาพใดๆ เต็มไปด้วยตัวอักษรล้วนๆ


ภาพของเทคโนโลยีต่างๆมันเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ เลยลองเอามาสรุปแล้วบันทึกไว้ก่อน
มีอะไรไม่เห็นด้วยรบกวนแย้งมาแรงๆนะครับ

  • มือถือถึงขีดจำกัดแล้ว ใช่แล้วอุปกรณ์สมาร์ทโฟนที่เคยมาเปลี่ยนแปลงโลกของเราในปี 2007 หมดยุคของมันแล้ว ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีความสำคัญอีกต่อไปนะแต่ประสิทธิภาพและฟังก์ชั่นการใช้งานของมือถือมาถึงขีดจำกัดแล้ว ไม่สามารถจะฉีกออกไปสร้างอะไรใหม่ๆได้อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้มือถือมาถึงจุดเดียวกับที่ PC หรือ Laptop เคยเจอคือสามารถขยับไปได้แค่แนวตั้งเท่านั้น คือเร็วขึ้น จอชัด กล้องชัด มีเซ็นเซอร์ที่ดีขึ้นละเอียดขึ้น ไม่มีแนวทางการใช้งานใหม่ใดๆเกิดขึ้นได้อีกแล้ว
    คนพัฒนาแอพลิเคชั่นบนมือถือเริ่มตัน แอพพลิเคชั่นใหม่ๆไม่สามารถดึงดูดคนให้ติดตั้งได้อีกแล้ว ผู้ใช้งานแต่ละคนจะวนเวียนอยู่กับแอพพลิเคชั่นซ้ำๆอยู่ไม่เกิน 15 ตัว ที่เหลือมีไว้เผื่อๆคือใช้น้อยมากและอีกจำนวนมากจะไม่ถูกเปิดขึ้นเลย
    มือถือจะทำหน้าที่เป็น personal portal ของผู้ใช้งานในการเชื่อมต่อกับบริการต่างๆแทน
  • IoT จะกลายเป็นทางออกแทน เนื่องจากข้อจำกัดการทำงานของสมาร์ทโฟนที่ไม่สามารถพัฒนาออกไปได้มากทำให้การทำงานอื่นๆที่ซับซ้อนถูกโยนไปให้อุปกรณ์ธรรมดาที่ฉลาดขึ้นเหล่านี้มาทำงานแทน เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ รวมๆผมขอเรียนอุปกรณ์พวกนี้ว่าเป็น IoT หมด ไม่ว่าจะ smart watch, smart TV, home pod, CCTV หรือsensor และ controller ต่างๆ
    โลกของการซื้อจะย้ายจากการซื้อสมาร์ทโฟนใหม่ๆไปเป็นการซื้อ Gadget พวกนี้แทนแล้วปล่อยให้อุปกรณ์พวกนี้คุยกันเองทำงานกันเองโดยมีคนเป็นศูนย์กลาง โดยใช้มือถือในการแสดงผลหรืออ่านรายงานต่างๆ
  • การสั่งงานด้วยเสียงจะกลายเป็นปัจจุบันในไม่ช้า การกดปุ่มบนหน้าจอสมาร์ทโฟนจะกลายเป็นเรื่องที่น่ารำคาญและซับซ้อน (หยิบมือถือ>เปิดจอ>ปลดล็อกมือถือ>มองหาแอพพลิเคชัน>กดเข้าไปในแอพพลิเคชัน>กดปุ่ม>ปิดหน้าจอ) step อันมากมายเหล่านี้ที่เคยเป็นเรื่องธรรมดาจะกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ การสั่งงานด้วยเสียงจะมาแทนที่ ประกอบกับปัจจุบันเทคโนโลยีในการเข้าใจคำสั่งของคนมาถึงจุดที่สามารถใช้งานได้แบบเป็นธรรมชาติแล้ว ดังนั้นอุปกรณ์อย่าง IoT จะทำหน้าที่ในการรับคำสั่งของมนุษย์เพื่อไปทำงานต่างๆ หรือรายงานผลให้เราแทน
  • การใช้งาน Cloud จะผสานไปกับชีวิตจนเราไม่ได้รู้สึกว่ามันคือสิ่งแปลกปลอมที่ใช้ความพยายามเลย เนื่องจากการใช้งาน IoT ที่มีข้อจำกัดเรื่องของพื้นที่เก็บข้อมูลและการเชื่อมต่อการเก็บข้อมูลและฟังก์ชันการทำงานทั้งหมดจึงต้องไปฝากไว้บนคลาวด์เซอร์วิส โดยทั้งหมดนี้เราไม่ได้รู้เลยว่าเราใช้งานคลาวด์เซอร์วิสอยู่
    นอกจากนี้ cloud จะกลายเป็นพื้นฐานของการทำงานอื่นๆเช่นการวิเคราะห์ข้อมูล หรือพยากรณ์พฤติกรรมของคนไปจนถึงการปกป้องภัยคุกคามต่างๆ
  • Big Data, Data Analytic และ AI จะอยู่เบื้องหลังการคิดทั้งหมด ของการใช้งานของมนุษย์ งานที่ต้องนำเอาข้อมูลหลายๆแห่งมารวมกัน งานที่ต้องตัดสินใจจะถูกโยนไปให้ “ระบบ” คิดและตัดสินใจเกือบทั้งหมดอาจจะมีบางส่วนที่นำเสนอเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้งาน
    ทั้งหมดนี้สิบเนื่องจากการใช้งาน IoT และ social media ที่เพิ่มขึ้นทำให้สามารถสร้างข้อมูลปริมาณมหาศาลมาใช้สำหรับการตัดสินใจได้ และด้วยข้อมูลมากมายขนาดนี้จะเกินกว่าศักยภาพของคนที่จะทำได้งานทั้งหมดนี้จะถูกโอนถ่ายไปให้ AI ทำแทนทั้งหมด 
  • การปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของสินค้าจะเป็นการคุยกับ AI แทนที่จะคุยกับคน เนื่องด้วย AI ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อความเร็วในการให้บริการ chat bot จะกลายเป็นมาตรฐานในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า
  • Information Security จะกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ทำให้จากเดิมที่เรื่องความปลอดภัยทางไอทีเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝนหรือต้องฝืนทำ จะกลายเป็นพฤติกรรมปกติ การตั้งรหัสผ่านอย่างปลอดภัย การเก็บรักษาความลับจะดีขึ้น (แต่แน่นอนว่าภัยคุกคามก็จะพัฒนาตามไปด้วย) แต่การตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงจะแพร่กระจายไปยังคนทั่วไปมากขึ้น ทำให้เหตุคุกคามที่เกิดขึ้นลดลง

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s