Mid-life Crisis

Posted by

จู่ๆชีวิตก็ไร้ความหมาย!

เมื่อยังเยาว์วัยเรามีเวลามากมายเหมือนความตายจะไม่มีวันมาเยือน ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าความแก่ความตายคงมาเยี่ยมเยือนเราซักวันหนึ่ง แต่มันก็ไกลเกินกว่าที่เราจะคิดถึงมันจริงๆ จังๆ หนักเข้าเคยคิดถึงแม้กระทั่งว่าถ้าตายไปวันนี้พรุ่งนี้ก็แค่ใช้ชีวิตให้สนุกที่สุด มีความสุขที่สุด แค่นั้นก็พอ เอาจริงๆตอนนั้นมันก็พอจริงๆ และมีความสุขมากด้วย

แต่เมื่อชีวิตดำเนินมาถึงจุดหนึ่งก็พบว่าความแก่ความตายนั้นมันอยู่ไม่ไกล และชีวิตเรายังไปไม่ถึงไหน ทั้งยังไม่เหลืออะไรเลย

ไม่มีคนรัก ไม่มีครอบครัว ไม่มีเป้าหมายในการดำรงชีวิต แค่สิ่งที่อยากจะทำเล็กๆน้อยๆยังไม่สามารถทำมันให้สำเร็จได้เลย!

ในมุมหนึ่งที่ดูเหมือนชีวิตจะลงตัวดีและประสบความสำเร็จตามที่ตัวเองในอดีตเคยคาดหวังไว้ แต่กลับกลายเป็นว่าความสำเร็จนั้นมันไม่ได้เป็นความสำเร็จอีกต่อไปแล้ว มันถูกกลืนกินผ่านสังคมว่าเราต้องมีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ดูคนอื่นๆสิ แล้วยิ่งมองให้ลึกซึ้งไปถึงองค์ประกอบของความสำเร็จนั้นมากเท่าไหร่ ยิ่งกลับพบว่า มันยิ่งสิ้นหวังลงไปมากเท่านั้น “ไม่มีทางเลยที่จะสำเร็จได้เหมือนคนอื่นๆ”

 

“ข้าพเจ้าเป็นคนประเภทสุขนิยม”

ข้าพเจ้าเคยนิยามตัวเองไว้เช่นนั้น และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ข้าพเจ้าทุ่มเทเวลามากมายคิดถึง เหตุแห่งความทุกข์-สุข และเข้าใจมันเหมือนดังเข้าใจกลไกการขยับนิ้วของตัวเอง…. แม้จริงๆแล้ว จะรู้อย่างถ่องแท้ว่าการมีความสุขนั้นช่างตรงข้ามกับการเอาชีวิตตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นยิ่งนัก ยิ่งเปรียบเทียบมากเท่าไหร่ไม่ว่าดีกว่าหรือเลวกว่าล้วนทำให้ชีวิตเราห่างไกลจากคำว่าความสุขมากขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าพเจ้าจะทำมันได้ตลอดเวลา !

สุดท้ายแล้วมนุษย์ก็ยังเป็นสัตว์สังคม การเปรียบเทียบจึงกลายเป็นฟังก์ชันพื้นฐานในสมองของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (Amygdala) ที่ใช้เพื่อประเมินสถานะในฝูง หนทางเดียวที่ทำได้คือต้องใช้ความคิดเชิงเหตุผลที่อยู่ใน Prefrontal cortex เพื่อควบคุมมันแต่แน่นอนว่าส่วนที่สองนี้มีกำลังน้อยกว่ามากและมีกำลังอยู่อย่างจำกัด ทำให้การควบคุมนั้นทำไม่ได้ตลอดเวลา

มาถึงตรงนี้ข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีข้อสรุปอันใดจากการเขียนข้างบน เป็นเพียงการบ่นอย่างไร้สาระเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตนเองเท่านั้น เป็นเพียง free writing ที่ปราศจากการเรียบเรียง เป็นเพียงเสียงของการคุยกับตัวเองแบบไม่ตัดสินหรือพิจารณา เพราะถึงอย่างไรถ้ามีคนเจอสถานการณ์นี้เหมือนกันก็คงไม่มีคำแนะนำใดที่มีประโยชน์หรือนำไปใช้ได้ เพราะเรื่องราวของอารมณ์นั้นเป็นเรื่องที่เกิดภายในสมองของบุคคลโดยไม่อาจมีใครเข้าใจหรือรับรู้ได้เหมือนดังพบเจอด้วยตัวเอง ดังนั้นร้อยพันเหตุผลก็ไม่มีค่าอันใด ร้อยพันคำแนะนำก็ไม่สามารถฉุดเขาเหล่านั้นให้พ้นมาจากอเวจีแห่งความเศร้าหมองได้ มีเพียงเวลาและการปรับสมดุลเท่านั้นที่จะช่วยพวกเขาได้ การบ่นการระบายอาจเป็นช่องทางหนึ่งที่อาจเป็น catalyst ที่เร่งส่งให้ช่วงเวลานี้จบลงได้เร็วขึ้น ถ้าคุณมีคนอยู่ข้างๆลองทำให้พวกเขามีความสุขดู ถ้าไม่มีก็จงระบายมันออกมาง่ายๆ อาจมีเท่านี้ที่สามารถทำได้ ….

 

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s