ไม่แน่ใจว่าสังเกตุกันหรือเปล่า แต่ช่วงหลังๆมานี้มักมีโฆษณาแปลกๆปรากฏมาบน Facebook timeline เราบ่อยๆ บางครั้งเป็นคอร์สอนไลน์ บางครั้งเป็นนาฬิการาคาแสนถูก จนล่าสุดเป็นสิ่งนี้
จริงๆก็มองผ่านมันไปนั่นแหละ จนกระทั่ง….
มีเพื่อนส่งข้อความมาถามถึง thumb drive แบบนี้ถึง 3 คนเลยเริ่มเอะใจว่ามันคืออะไรกันแน่
ความน่าสงสัยอันดับแรก : ผมเองทำงานในสายเทคโนโลยียังไม่เคยได้ยินข่าวคราวเรื่องอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็กขนาดนี้ที่สามารถเก็บข้อมูลได้มากเท่านี้มาก่อน ณ ปัจจุบันยังไม่เคยมี product ทำนองนี้ออกมาก่อน
ไหนๆ ลองกดเข้าไปดูรายละเอียดสิ
เข้าไปอ่านคอมเม้นท์ใน facebook page พบว่ามีหลายคนสั่งซื้อไปแล้วโดยการสั่งซื้อเป็นระบบเก็บเงินปลายทาง
หลายๆคนสนใจ และมี admin ที่เป็นคนจริงๆเข้ามาคอยตอบคำถามด้วย
อืม…. น่าสนใจ
ไหนลองกดสั่งซื้อสิ
แต่ที่สะดุดใจมากอย่างที่สองคือสิ่งนี้
ความน่าสงสัยอันดับสอง : ชื่อ email เป็นไปได้ยากมากที่จะจดชื่อนี้กับบริการ outlook ได้
เลยทดลองเข้าหน้าเว็บที่เพื่อนส่งมาบ้าง ปรากฏว่าการสั่งซื้อนั้นเป็นหน้าแบบเดียวกัน mail service เดียวกันเป๊ะ แสดงว่าคนทำเว็บนี้น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันหรือคนเดียวกัน
ต่างกันแค่ตัวสินค้าเท่านั้นชื่อ Email หน้าตาทุกอย่างเหมือนกันเป๊ะๆ
เริ่มอยากรู้จักคนทำแล้วสิ ! ไหนลองดูสิว่าหน้าตาคนที่เข้ามาตอบคอมเม้นเป็นยังไง
งั้นพี่แกจดไว้กี่ domain กันแน่หว่า
บาง domain ก็เดาได้เลยว่าก่อนพี่แกจะทำแบบนี้แกเคยทำกับ product แบบอื่นมาก่อน
งั้นอยากรู้ต่อไปอีกนิด ว่าเค้า host server ไว้ที่ไหนน้าาา
สรุป
น่าจะมีคนทำสิ่งนี้เป็น อาชีพ จริงๆ และอาจมีการจ้าง admin page เอาไว้เป็นหน้าเสื่อคอยตอบคำถาม
โดยหลักการทำงานง่ายๆดังนี้
- จด domain อะไรก็ได้มั่วๆง่ายๆ ต้นทุนเพียง 33 บาท
- สร้างเว็บไซด์บน AWS ง่ายๆใช้ free tier ยังได้เลย
- คิดสินค้าอะไรซักอย่างที่น่าจะขายได้โดยไม่ต้องมีสินค้าจริงๆก็ได้ แต่ต้องโดนใจคนมากๆ
- สร้าง page บน facebook อัดโฆษณาไปเรื่อยๆ หนักๆ ให้คนเห็นเยอะๆ
- เลือกใช้บริการเก็บเงินปลายทาง เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ
- ทำไปเรื่อยๆ จนเรื่องแดงคนรู้เยอะ ก็ตัดโฆษณา แล้วเชิดเงินหนีสบายๆ
ทำไมวิธีนี้ถึงได้ผล
- ที่อยู่ที่จดแจ้งกับ domain หรือ hosting เป็นที่อยู่จริงหรือเปล่าไม่มีใครตอบได้ บริการเหล่านี้เป็น cloud service ที่ไม่ต้อง authenticate คนใช้ ต้องการเพียงบัตรเครดิตเท่านั้น
- โดยทั่วไปผู้ให้บริการต้องรักษา privacy ของลูกค้าดังนั้นเค้าจะไม่เปิดเผยข้อมูลของเจ้าของ domain หรือ web server แน่นอน
- การฟ้องร้องทำได้ยากเพราะเกิดข้ามประเทศ การบังคับใช้กฏหมายยังลำบากอยู่
- คนทำสามารถใช้ virtual credit card ได้ ยิ่งทำให้การสืบหาตัวคนทำยากขึ้นไปอีก
- ความเสียหายต่อคนน้อย คือราวๆ 2 – 3 พันบาทการติดตามเพื่อเอาคนผิดมาดำเนินการทำได้ยาก
- บริการเก็บเงินปลายทางไม่ได้น่าเชื่อถืออย่างที่ใครๆคิดเลย เพราะเวลาคนส่งมามันมาแค่กล่องเราต้องจ่ายเงินก่อนจึงจะเปิดกล่องได้ และเมื่อเราเปิดกล่องมาเจอกับขยะแล้วจะเรียกเงินคืนก็ทำไม่ได้ เพราะบริษัทจัดส่งเป็นเพียงตัวกลางในการจัดส่งสินค้ากับเก็บเงินเท่านั้น เราเรียกร้องอะไรแทบไม่ได้เลย แถมตัวผู้ก่อเหตุยังไม่ได้อยู่ในประเทศไทยอีกต่างหากยิ่งตามได้ยาก
ดังนั้นหากจะซื้อของออนไลน์สิ่งที่ต้องดูคือ
- ซื้อจากเว็บไซต์หรือตัวกลางที่น่าเชื่อถือหรือไม่ aliexpress, shopee, lazada, 11st พวกนี้มีบริการ protect คนซื้อคือถ้าของไม่ตรงตามโฆษณาหรือไม่ส่งของสามารถคืนของหรือร้องเรียนได้
- เว็บไทยอื่นๆสามารถดูว่ามีจดทะเบียนกับกรมการพัฒนาธุรกิจหรือเปล่า (DBD verified) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บของกรมธุรกิจการค้า คลิก
- บริการเก็บเงินปลายทางไม่ใช่บริการที่การันตีว่าเราได้ของชัวร์ๆ บัตรเครดิตยังสามารถระงับการจ่ายได้ถ้ามีปัญหาจริงๆ หลายๆกรณีการใช้บัตรเครดิตดีกว่า
- ในเว็บที่น่าเชื่อถือทั้งหลายเองอย่าง lazada, aliexpress, shopee, 11st จริงๆทำตัวเป็น platform ให้คนเอาของมาขายดังนั้นก็อาจจะเจอคนขายของปลอม คนขายของห่วยๆได้ ให้ลองดูจากจำนวนสินค้าที่ขายไปแล้ว และ comment โดยการดู comment ให้ดูที่แย่ที่สุดเอาไว้ก่อนเสมอ ไม่ใช่ดูของใหม่สุด
- อย่าเห็นแก่ของถูก ของหลายชิ้นเป็นไปไม่ได้เลยที่ราคาจะถูกขนาดนั้นเช่น iphone เครื่องละหมื่น นี่ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยว่าหลอกลวงแน่ๆ
สุดท้าย
“ขอให้ shopping online กันอย่างมีความสุข ไม่ถูกหลอกครับ “
ปล. มา editอีกนิดหน่อย พอดีไปเจอมาว่า พี่แกไม่ใช่ธรรมดานะเพราะทำมานานจนขนาด malware byte เลยเอาไปลงเป็นการเตือน scam มาตั้งแต่ปี 2016 ตอนนั้นขาย license Microsoft ปลอมเหมือนกัน อยากเข้าไปตามอ่านได้ที่ link ข้างล่างเลย
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1835218629887236&id=100001973517642
ถูกใจถูกใจ