แทนที่จะยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง เรากลับต้องอดทนเพื่อความอยู่รอด
แทนที่จะคิดถึงความฝันอันยิ่งใหญ่เรากลับคิดแค่ว่าทำยังไงถึงจะไม่เดือดร้อน
แทนที่จะตักเตือนคนที่ทำผิด เรากลับคิดว่าทำยังไงไม่ให้หมางใจกัน
การยับยั้งชั่งใจกลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่
การปล่อยวางช่างแม่งกลายเป็นเรื่องธรรมดา
การวางมาดให้คนเคารพกลายเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อคงสถานะของตัวเองไว้
จำเป็นด้วยหรือที่เราจะเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ที่เราเคยรังเกียจ ?
จำเป็นด้วยหรือที่เราจะต้องมีคนมารักมากมาย เพื่อให้คอยสนับสนุนเรา ?
แน่นอนว่าเมื่อเราทำตามคนอื่นๆ ทำตามครรลองที่ถูกกำหนดมา ชีวิตก็จะง่าย
ความง่ายนั้นเกิดเพราะมันทำให้คนอื่นไม่ลำบากใจ ไม่ต้องคิดมากมาย
เพราะคนเราเป็นสัตว์สังคมที่กลัวการแปลกแยก กลัวปัญหา
แต่คำถามคือคุณกำลังรังเกียจตัวเองอยู่หรือเปล่า?
คุณกำลังใช้ชีวิตอย่างภาคภูมิแบบที่คุณในวัยเยาว์กำลังฝันอยู่ใช่ไหม?
ถ้าไม่ใช่ ทำไมละ?
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เต็มไปด้วยคำถาม ที่เต็มไปด้วยเรื่องส่วนบุคคล คำถามที่ไม่สามารถฟันธงชี้ชัดลงไปได้ แต่ถ้าคุณกำลังสงสัยในตัวเองก็แค่ลองย้อนกลับไปที่ต้นตอของคำถาม
ตอนยังเด็กเราฝันอยากเป็นผู้ใหญ่แบบไหนกันแน่?
นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นความฝันที่เราเดินมาไกลจนมองย้อนกลับไปแทบไม่เห็นก็ได้