ลืมตอนเก่าๆไปแล้วใช่ไหม? คลิกกลับไปอ่านสิ
Kilimanjaro (บทเริ่ม)
Kilimanjaro (ป่าแอฟริกาในจินตนาการ)
Kilimanjaro (day 3: Shira ในสายหมอก)
Kilimanjaro (day 4: เหน็บหนาวและยาวนาน)
Kilimanjaro (day 5 : ข้าม the wall สู่ปากปล่องของปลายทาง)
ถ้าจะบอกว่ามีวันไหนที่ทรมานที่สุดในทริปนี้ก็คงเป็นวันนี้นี่แหละ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะยังปรับตัวไม่ได้และเริ่มไต่ระดับความสูงเรื่อยๆ



แม้ว่าจะแดดแรงอย่างที่เห็นในภาพแต่ในความเป็นจริงอุณหภูมิบน Kilimanjaro นั้นเปลี่ยนแปลงไปมาอยู่ตลอด ทำให้ต้องถอดๆใส่ๆ เสือกันหนาวอยู่ตลอดเวลา เราค่อยๆไต่ระดับความสูงเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ได้ชันเหมือนภูเขาในบ้านเรา
แต่ด้วยความสูงกว่า 4000 เมตร ก็ทำให้ลมหายใจที่มีก็ไม่ค่อยราบลื่นนัก…

pole pole ….. กลายเป็นคำที่เริ่มได้ยินบ่อยขึ้นจากporter เนื่องจากสองวันแรกความสูงยังไม่เยอะเท่าไหร่เราจึงเดินแบบทำเวลาอย่างเมามันส์มาก พอมาเดินแบบเดียวกันในวันนี้ก็เละสิครับ
คำว่า pole pole นี้เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของ Kilimanjaro เลยก็ว่าได้ (ถึงขั้นมีเสื้อสกรีนคำนี้ขายในร้านขายของที่ละลึก) Pole Pole แปลว่าช้าๆ
ตามแผนเราต้องไต่ความสูงไปปรับตัวที่ Lava tower ซึ่งสูง 4600 m ที่นั่นจะเป็นที่ที่เราจะไปกินข้าวเที่ยงกัน แต่แค่เดินไปได้ราว 2 ชั่วโมงครึ่งอาการปวดหัวเพื่อนเก่าก็เริ่มตามมาหลอกหลอน มันเป็นอาการปวดหัวตุบๆที่ไม่ว่าจะนอน หรือกินยาอะไรก็ไม่หาย (ในสมัยนั้นนะเดี๋ยวนี้รู้แล้วว่าแค่กิน ibuprofen ก็หายแระ) ซึ่งมันกัดกินตัวผมมาก ยิ่งเดินยิ่งเหนื่อย ยิ่งสูง ยิ่งปวดหัว ยิ่งรำคาญ เรียกได้ว่าแต่ละนาทีที่ผ่านไปนั้นช่างยาวนานเหลือเกิน …
3 ชั่วโมงครึ่งผ่านไป…. เหมือน Kilimanjaro อยากซ้ำเติมเราฝนเริ่มตกกระหน่ำลงมา อาการปวดหัวก็ยิ่งหนักขึ้นถึงตอนนี้เริ่มยิ้มไม่ค่อยออกแล้ว


หลังจากนั่งกินข้าวแบบทรมานสุดๆเพราะทั้งปวดหัวและหนาวเหน็บ เราก็ออกเดินทางต่อ
คราวนี้เราเริ่มลงแล้ว ระบบหายใจ การเต้นของหัวใจเริ่มกลับมาปกติ ฝนก็หยุดตกไปด้วย อาการปวดหัวก็เริ่มลดลงหรือเริ่มชินก็ไม่รู้นะ แต่ทุกอย่างดีขึ้นเรื่อยๆ
อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง….




หลังจากเดินมา 6 ชัวโมงเราก็ได้เจอสิ่งนี้



สรุป VDO วันที่สาม
5 ความเห็น