วันก่อนมีน้องคนหนึ่งมาบ่นๆเรื่องค่าจ้างของตัวเอง
ประจวบเหมาะกับมีคนถามขึ้นมาว่า เวลาจะรับงานจะตั้งราคาค่าตัวของเราได้ยังไง? เลยรู้สึกว่า
นี่เป็นคำถามที่ดี
เพราะตัวเองก็ไม่เคยได้นั่งคิดอย่างเป็นระบบเหมือนกันว่าค่าตัวของเรามาจากไหน?
เลยได้โอกาสลากกระดาษ A3 มานั่งคิดว่า เอ๊ะทำไมคนถึงยอมจ่ายเงินให้เราทำงานละ?
แล้วก็ได้ผลลัพธ์ออกมาว่า
ค่าตัวของเรามาจากความสามารถในการช่วยเหลือหรือ (RESCUED) นั่นเอง
RESCUED คือ?
R. ทักษะนั้นหายาก หรือได้มายากหรือเปล่า (Rare) คือถ้ามีคนอื่นสามารถทำงานเดียวกันได้นี้เยอะๆการแข่งขันก็สูงขึ้นเป็นไปตามกฏ demand/supply
E. มีประสบการ์ในการทำเรื่องนั้นมาบ่อยหรือเปล่า (Experience) อันนี้แน่นอนว่าหลายๆองค์กรเอามาใช้ในการคิดค่าตัวของพนักงานอยู่แล้วคงไม่ต้องขยายความมาก
S. ทำเสร็จได้รวดเร็ว ส่งงานได้ก่อนเวลาหรือเปล่า (Speed) เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด
C. มีชื่อเสียงหรือรู้จักคนในเรื่องนั้นๆเยอะหรือเปล่า (Connection) connection นอกจากจะช่วยให้เราน่าเชื่อถือแล้วยังช่วยให้งานหลายๆอย่างจบลงได้โดยง่ายด้วย
U. ทันสมัยสุดๆ ไวสุดๆ (Updated) ยิ่งทำงานในสาย technology ด้วยแล้วความ update นี่อาจจะเป็นปัจจัยหลักเลยก็ได้
E. สามารถสื่อสารออกมาได้ดีหรือเปล่า หรือรับสารเข้าไปได้ดีไหม (Expression/Communication) คนเก่งหลายๆคนไม่สามารถเรียกค่าตัวได้เพราะไม่สามารถบอกได้ว่างานที่ทำมีความสำคัญแค่ไหน สร้างประโยชน์อะไร หรือแม้แต่โฆษณาตัวเองไม่เป็น
D. น่าเชื่อถือไม่หนีงานทำงานตรงประเด็น ทันเวลาหรือเปล่า (Dependable) ยิ่งเป็นคนที่มาทำงานแค่ชั่วคราวความน่าเชื่อถือ ถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
ซึ่งค่าตัวของเราจะมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับ
scale ความสามารถของเราในแกนต่างๆ / ความต้องการของงานนั้นๆ
ฉะนั้นเวลาจะคิดค่าตัวก็ลองพิจารณา scale ในด้านต่างๆประมาณนี้ รวมถึงวิเคราะห์ดูว่าด้านไหนที่เรายังขาดไปบ้างจะได้มีเหตุผลสามารถตอบได้ว่า
“ทำไมค่าตัวเราแพงจัง”