“ของที่เราพิสูจน์ไม่ได้ ….แปลว่าสิ่งนั้นไม่มีจริง
ตรงข้าม…ของที่พิสูจน์ได้ ….ก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นมีจริง
ถ้า….พิสูจน์ด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง เหมาะสม”
ข้างบนเป็นตรรกะ(logic) ที่ผมใช้กับทุกๆอย่างในชีวิต
ทุกวันนี้ผมค่อนข้างรู้สึกป่วยๆกับตรรกะประเภท
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” หรือ “ของที่เราพิสูจน์ไม่ได้..ไม่ได้แปลว่ามันไม่มีจริง”
สองประโยคด้านบนแสดงให้เห็นตรรกะประเภท “เชื่อเอาไว้ก่อนปลอดภัยกว่า”
ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ของ “วัชพืชทางความคิด” ที่จะเกาะฝังรากติดแน่นและคอยชอนไช
ดูดซึม แย่งเอาอาหารของ “เหตุและผล” ของเราไป
เปรียบเทียบเป็นการปลูกต้นไม้
เราคงอยากปลูกต้นไม้ใหญ่ที่แข็งแรงไว้ให้ดอกผลให้ร่มเงา
ไม่ใช่ปลูกหญ้าคาเอาไว้ สร้างบาดแผลให้เราเวลาเดินผ่าน
แต่…วัชพืชนั้นขึ้นง่ายและแพร่ขยายพันธุ์ได้เร็ว
ฉะนั้นเราจะต้องคอยถากถอนเอา “วัชพืช” ออกไป บ่อยๆ
เพื่อใม่ให้ “วัชพืช” นั้นๆคอยขัดขวางการเติบโตของต้นไม้ใหญ่
แต่นั้นแหละ “วัชพืช” ไม่มีวันหมดไป !
เราจำต้องแยกแยะให้ได้ว่าอะไรคือ “วัชพืช”
อะไรคือหน่อพันธุ์ของ “ต้นไม้ใหญ่”
การจะแยกแยะให้ได้สิ่งที่เราต้องมีคือ “การพิสูจน์” และ “ปัญญา”
จะขาดสิ่งใดสิ่งนึงไปไม่ได้ !
หรือถึงแม้เราพิสูจน์แล้วก็จำต้องตรวจทานเพื่อให้แน่ใจว่า
การพิสูจน์ของเราไม่ได้เข้าข่ายตรรกะวิบัติ (Logical Fallacy) <ปฤจฉวาที ทุตรรกะบท>
เพื่อให้ต้นไม้ใหญ่ของเราเติบโตและให้ร่มเงาได้อย่างที่มันควรเป็น
ไม่ใช่แคระเกร็นเป็นต้นไม้พิการ !