Dilemma: noun “a situation in which a difficult choice has to be made between two or more alternatives, especially equally undesirable ones.”
ตอนจะเขียนบทความนี้ก็นึกได้ว่าเราจะใช้คำไทยว่ายังไงดีนะ
ความย้อนแย้งไหม? ซึ่งอันนั้นก็มีคำว่า Paradox อธิบายอยู่แล้ว
สุดทายพอลองค้นดูก็พบกับคำแปลว่า “สภาวะกลืนไม่เข้า คายไม่ออก” หรือ “สภาวะยากลำบาก”

เมื่อมีโอกาสอะไรใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต
ซึ่งโอกาสใหม่ ๆ นั้น เป็นได้ทั้ง สปริงบอร์ดที่เด้งพาชีวิตเราไปสู่ความสำเร็จอีกระดับ
หรือเป็นปัญหาชวนปวดหัวให้เราแก้ไม่จบ ไม่สิ้น
แต่ส่วนใหญ่สิ่งที่เรียกว่า โอกาส ในชีวิตนั้นมักจะเป็นทั้งสองอย่างพร้อมกัน

ดังนั้นเมื่อเราเลือกที่จะรับโอกาส มันมักมาพร้อมกับอุปสรรคและปัญหาที่ต้องแก้ไข
แต่ก็อีกนั่นแหละ ที่ในหนึงชีวิตของเรามักมีสิ่งที่เราต้องแก้ไขพร้อมกันในแต่ละเวลา
เยอะแยะมากมายเสียเหลือเกิน
การจะรับเอาปัญหาเข้ามาเพิ่มในชีวิตมันย่อมหมายถึงเราต้องประเมินความคุ้มค่าของมันแล้ว

มันคุ้มค่าจริง ๆ ใช่ไหม?

เราคงไม่อาจตอบคำถามนี้ได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าสมการความคุ้มค่ามันจะง่ายดาย

ความคุ้มค่า = (สิ่งที่ได้รับมา x ความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับ) – สิ่งที่จะต้องเสียไป

แต่ตัวแปรในสมการกลับเป็นค่าที่เป็นตัวแปรที่ไม่แน่นอน และบางครั้งก็ไม่อาจทราบค่าที่แท้จริงได้
สิ่งที่ได้รับมา และ สิ่งที่ต้องเสียไป อาจจะเท่ากับ ชื่อเสียง, เงินทอง, connection, ความสามารถใหม่ ๆ, ความภาคภูมิใจ, คุณค่าของชีวิต, เวลา, ความสัมพันธ์, สุขภาพจิต และอื่น ๆ อีกมากมาย

ยกตัวอย่าง Dilemma ง่าย ๆ เช่น

เราควรจะขยันทำงานสุดชีวิตเพื่อเงินที่เราจะใช้ในยามเกษียณไหม?
ถ้าเราทำได้ตามแผนตอนเราอายุ 60 เราจะสบายและใช้เงินไปได้อีก 30 – 40 ปีโดยไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
แต่ถ้าเราตายไปตอนอายุ 55 ละ? ความอดทนพยายามของเราคงต้องมลายหายไปทั้งหมด
แต่ถ้าเราตายไม่ตายละ ตอนนั้นเราอาจจะไม่มีเงินสำหรับการใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในช่วงบั้นปลายก็ได้

แน่นอนว่าไม่มีคำตอบ !
เพราะไม่มีใครรู้อนาคตได้!
ถึงแม้มีเงินตามแผนแล้วอนาคตก็อาจจะไม่แน่นอนในระดับที่เงินที่เก็บมาทั้งชีวิต ไร้ค่าในชั่วข้ามคืนจากเงินเฟ้อสุด ๆ หรือสงคราม หรือแม้แต่โดนแก็งค์ Call center หลอกลวงไป

ข้อดีของ Dilemma นี้คือ …
เราไม่จำเป็นต้อง All or Noting คือไม่ต้องเลือกขุดขั้วไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
แต่กลยุทธ์ของเกมส์นี้กลายเป็นการพยายามรักษาสมดุลมากกว่า
ซึ่งการรักษาสมดุลคือการหาจุดที่เหมาะสม ระหว่างโอกาส และปัญหา
ส่วนวิธีหาจุดที่เหมาะสมมีง่าย ๆ 3 step
ตั้งค่า –> วัดผล –> ปรับปรุง ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องตั้งค่าให้ได้ก่อน
ค่าที่เราจะพึงพอใจ ค่านี้จะต้องต่ำกว่ามาตรฐาน และไม่มีวันถูกต้อง เราต้องพร้อมปรับเปลี่ยนมันอยู่เสมอ

คือเหมือนตาชั่งจีนที่ต้องคอยเลื่อนลูกตุ้มนี้ไปมาอยู่เสมอ

ชีวิตจึงไม่มีวันสเถียรหรือสงบนิ่ง

We’re only here briefly, in this moment I will allow myself joy.

การ joy ไม่ใช่ YOLO ชนิดที่ต้องเอาชีวิตเข้าแลก แต่เป็นการมีความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ในแต่ละวัน
บางคนอาจยอมเลือกภาระอย่าง แมว สักตัวเข้ามาในชีวิต
ก็เพราะ joy นี่แหละ

การเผลอไผล เถลไถล ออกนอกทางบ้างเพื่อถ่ายเห็ดสักกอ หรือดอกไม้สักดอก
ก็คงเป็น moment of joy ที่คุ้มค่าให้เรามีชีวิตที่มีความหมายจนกว่าจะถึงปลายทางนั่นแหละ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *